แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2556

ภาพกิจกรรม "ครบรอบ 2 ปี คุมขัง สมยศ พฤกษาเกษมสุข"

30 เมษายน 2556
ภาพและเรื่อง Bulunraya Khan
วันนี้เวลา10.00น.ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล (ประตู 4) กลุ่ม24มิถุนาประชาธิปไตยและคนเสื้อแดงกว่า 50คนได้ร่วมกันจัดกิจกรรมเล็กๆ โดยนำนกกระดาษสีแดงไปแขวนไว้ที่หน้าประตูทำเนียบ และยื่นจดหมายเปิดผนึกของสมยศ พฤกษาเกษมสุขให้กับนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 
โดย มีนายนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือ แรมโบ้อีสานเป็นผู้มารับจดหมายเปิดผนึกดังกล่าว จากนั้นกลุ่มกิจกรรมดังกล่าวขึงเดินทางไปเยี่ยมสมยศ พฤกษาเกษมสุขที่เรือนจำกลาง ลาดยาว

 

อ่านแล้วน้ำตาไหล "สมยศ พฤกษาเกษมสุข: “ผมคิดผิดไปแล้ว”

 

thaienews.blogspot.com/2013/04/blog-post_30.html 

30 เมษายน, 2013 - 12:03 | โดย Somyot-Redpower
โดย สมยศ พฤกษาเกษมสุข
ที่มา "สมยศ พฤกษาเกษมสุข: “ผมคิดผิดไปแล้ว”



ผม ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเมื่อชีวิตย่างเข้าสู่วัย 50 ปี จะกลายเป็นอาชญากรแผ่นดิน ติดคุกตะราง ถูกจองจำสูญเสียอิสรภาพ ใช้ชีวิตอยู่ในกรงขังแน่นหนาเยี่ยงสัตว์เดรัจฉาน

ผมใช้ชีวิตในวัย หนุ่มอยู่กับผู้ใช้แรงงาน ต่อสู้เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้นสมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เพื่อสิทธิเสรีภาพ และความเป็นธรรมในสังคม เช่นเดียวกันกับผู้คนร่วมสมัยมากมายที่ใฝ่ฝันถึงสังคมใหม่ที่ดีงาม ปราศจากการกดขี่ เอารัดเอาเปรียบ เป็นสังคมแห่งความเสมอภาพเท่าเทียมกัน ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตย

ผมไม่ได้ร่ำรวย ไม่ได้มีเงินทองมากมาย ผมใช้ชีวิตพออยู่พอกิน ไม่เคยคดโกงหรือเบียดเบียนคนอื่น ไม่คิดสะสม พอมีเงินเหลือบ้างก็แบ่งปันให้คนที่ยากจนทุกข์ยากมากกว่าผม เพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกับผมบอกผมว่า “ผมคิดผิดไปแล้ว” เพ้อฝันอยู่กับอุดมคติเกินไป

หลายคนประสบผลสำเร็จเป็นนักธุรกิจเงิน ล้าน เป็นครูอาจารย์ที่น่านับถือ เป็นนักการเมืองชื่อดัง มีชีวิตที่มั่งคั่งร่ำรวย สุขสบาย ส่วนผมเป็นคนสามัญชนคนธรรมดา เดินถนน กินข้าวแกงอยู่ตามตรอกตามซอย

ผมเติบโตมากับการต่อสู้เพื่อสิทธิ เสรีภาพและประชาธิปไตย ทุกครั้งที่มีการรัฐประหารชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยจะเลวร้าย ย่ำแย่ลง ไร้สิทธิเสรีภาพ รัฐประหารมีแต่ความรุนแรงด้วยการปราบปราม เข่น”ประชาชน และจับกุมคุมขัง ผมไม่อาจอยู่เฉย เอาตัวรอดตามลำพัง ผมออกมาต่อต้านการรัฐประหารตั้งแต่ 6 ตุลาคม 2519 , 23 กุมภาพันธ์ 2534 และล่าสุด 19 กันยายน 2549 ผมเห็นว่านี่เป็นการทำหน้าที่พลเมืองไทย และเป็นการทำประโยชน์ให้กับสังคม เป็นคุณงามความดีตามความเชื่อของพุทธศาสนา

ผม เป็นเพียงผู้เข้าร่วมการชุมนุมต่อต้านรัฐประหาร ฟังการปราศรัย เข้าร่วมการเดินขบวนเป็นบางครั้ง ผมเริ่มรู้จักหลายคนที่ร่วมการชุมนุม จึงได้ร่วมกันก่อตั้งกลุ่ม24มิถุนาประชาธิปไตยขึ้นมา เป็นองค์กรหนึ่งที่ร่วมก่อตั้งแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือ กลุ่มคนเสื้อแดง

เมื่อแกนนำ นปช. ถูกจับกุมในปี 2550 , 2552 และ 2553 ผมและพรรคพวกในนามกลุ่ม24มิถุนาประชาธิปไตยได้ออกมาต่อสู้เรียกร้องให้ปล่อย ตัวพวกเขา ขนถูกเรียกว่า แกนนำ นปช. รุ่น 2 เป็นการขนานนามโดยสื่อมวลชน ครั้นเมื่อแกนนำได้รับการปล่อยตัวแล้ว ผมก็กลายเป็นคนธรรมดา ที่ยังต่อสู้อยู่กับประชาชนเหมือนเดิม จนผมถูกพลเอกสพรั่ง กัลยาณมิตร ฟ้องหมิ่นประมาทจากการขึ้นเวทีปราศรัยโจมตีคณะรัฐประหาร ผมต่อสู้คดีในศาลอย่างโดดเดี่ยว มีทนายความอาสามาช่วยฟรีอย่างอนาถา ผลก็คือศาลพิพากษาปรับ 100,000 บาท จำคุก 2 ปี รอลงอาญาไว้ 1 ปี ทำให้ผมกลายเป็นคนมีหนี้สินที่ต้องชดใช้ จนเดี๋ยวนี้ผมยังชดใช้ไม่ได้

เจ้าหนี้ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทบอกกับผมว่า “ผมเลือกข้างผิดแล้ว ดูซิ ไม่มีใครสนใจให้ความช่วยเหลือเลย”

ผม ถูกเชิญให้มาช่วยเขียนบทความให้กับนิตยสาร Voice of Taksin ต่อมาทีมงานจัดทำเกิดความขัดแย้งกัน ผมจึงถูกมอบหมายทำหน้าที่บรรณาธิการบริหารให้ ผมคิดแต่เพียงว่าจะได้ใช้โอกาสนี้ผลิตสื่อเสรี เป็นเวทีกลางของประชาชนที่ต่อต้านอำมาตย์ และการก่อการรัฐประหาร คัดค้านอำนาจนอกระบบที่ครอบงำการเมืองไทยมาช้านาน

หลังจากที่รัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เข่นฆ่าคนเสื้อแดงอย่างโหดร้ายระหว่างเดือนเมษายน – เดือนพฤษภาคม 2553 ผมและอาจารย์สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ ออกมาประณามรัฐบาลอภิสิทธิ์ ผลก็คือตำรวจตามล่า จับกุมตัวไปไว้ที่ค่ายทหารอดิศร จังหวัดสระบุรี ตำรวจที่มาสอบสวนขอร้องให้เลิกทำนิตยสาร Voice of Taksin เลิกยุ่งเกี่ยวกับคนเสื้อแดง ร่วมมือกับรัฐบาลเป็นพยานปรักปรำชายชุดดำซึ่งมีอาวุธ หากไม่ให้ความร่วมมือจะเจอข้อหาตามมาตรา 112 อย่างแน่นอน

ผมปฏิเสธ โดยเด็ดขาดที่จะไม่ให้ความร่วมมือใด ๆ ทั้งสิ้น และไม่ได้ใส่ใจต่อคำเตือนของตำรวจคนดังกล่าว เมื่อปล่อยตัวผมออกมา ผมยังคงดำเนินงานเหมือนเดิมทุกประการ แค่เปลี่ยนชื่อนิตยสารเท่านั้น ผมเห็นว่าเป้นความถูกต้องชอบธรรมของประชาชนในการต่อสู้ด้วยสันติวิธี และเป็นสิทธิเสรีภาพในระบอบประชาธิปไตย ถึงแม้ว่าอาจได้รับอันตรายถึงชีวิตก็ตาม

ช่วงนั้นมีการดำเนินคดี หมิ่นพระบรมเดชานุภาพตามมาตรา 112 ประมวลกฎหมายอาญาเพิ่มมากขึ้น ผมเห็นว่าเป็นการใช้กฎหมายนี้คุกคามเสรีภาพของประชาชน ผมได้แสดงความคิดเห็นโดยเปิดเผยว่า มาตรา 112 เป็นกฎหมายไม่เป็นธรรม ผมจึงแถลงข่าวเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2554 ว่าจะรวบรวมรายชื่อประชาชนไม่น้อยกว่า 10,000 คน จนถึง 1 ล้านคน เพื่อเสนอให้มีการแก้ไขมาตรา 112 อันเป็นสิทธิของประชาชนคนไทยตามรัฐธรรมนูญ 2550

อาจารย์สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ เคยเตือนให้ผมหลบหนีเพราะมีกระแสข่าวว่า DSI ออกหมายจับในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ แต่ผมมั่นใจในความบริสุทธิ์ และมั่นใจว่าจะได้รับความยุติธรรมอย่างแน่นอน ผมจึงไม่หลบหนีไปไหน แม้ว่าในเวลานั้นผมถูกสะกดรอยตามอย่างใกล้ชิดจนคุ้นเคย และจำใบหน้าได้เป็นอย่างดี แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร และประสงค์อะไร

ถึง แม้ผมจะทุ่มเททำงานในหน้าที่สื่อมวลชน และร่วมกับขบวนการประชาชนต่อต้านรัฐประหาร จนไม่มีเวลาให้ครอบครัว แต่ผมก็รักครอบครัว ไม่เคยคิดหนีไปไหน ผมมีความสุขอยู่กับการอุทิศตนร่วมกับประชาชน เคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อความยุติธรรม ความถูกต้อง เพื่อสังคมใหม่ที่ดีงาม ผมจึงไม่คิดหนีไปไหนอย่างแน่นอน จนกระทั่งผมนำคณะท่องเที่ยวไปกัมพูชา เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2554 ผมจึงถูกจับกุม ผมไม่ได้ขัดขืนหรือตระหนกตกใจ เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ต้องถูกใส่กุญแจมือ ถูกนำไปขังไว้ที่ห้องขังกองปราบปราม ซึ่งเต็มไปด้วยฝุ่นเกรอะกรัง กลิ่นเหม็นอับด้วยคราบสกปรกของห้องน้ำที่น่าขยะแขยง ผมล้มตัวลงนอนด้วยความอ่อนเพลีย

ตำรวจคอมมานโดพร้อมอาวุธปืนกลควบคุม ตัวผมมาฝากขังที่ศาลอาญาในวันที่ 2 พฤษภาคม 2554 ราวกับเป็นอาชญากรร้ายแรง และถูกส่งตัวมาขังไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร

คุณสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ ซึ่งถูกจับกุมด้วยข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เช่นกันแนะนำให้รับสารภาพดีกว่า เพราะการต่อสู้คดีไม่มีวันได้รับความเป็นธรรม เพราะจะไม่ได้รับสิทธิประกันตัว เมื่อสารภาพแล้วจึงขอพระราชทานอภัยโทษ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต่อไป

ผมไม่เชื่อคำแนะนำดังกล่าว ผมมั่นใจในความบริสุทธิ์ และมั่นใจในกระบวนการยุติธรรม ผมยื่นคำร้องขอสิทธิประกันตัวอยู่หลายครั้ง แต่ก็ยังไม่ได้รับสิทธิการประกันตัวด้วยเหตุผลที่ว่า เป็นคดีร้ายแรง กลัวว่าจะหลบหนี ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2554 – เมษายน 2555 ผมถูกส่งตัวไปไต่สวนสืบพยานฝ่ายโจทก์ที่ศาลจังหวัดสระแก้ว ศาลจังหวัดเพชรบูรณ์ ศาลจังหวัดนครสวรรค์ และศาลจังหวัดสงขลา โดยที่ต้องถูกคุมขังอยู่ในคุกแต่ละจังหวัดเป็นเวลานาน จนล้มป่วยหนัก ร่างกายผ่ายผอม ไอออกมาเป็นลิ่มเลือด

เมื่อได้กลับมาคุมขังอยู่ที่ เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ฝ่ายพนักงานสอบสวน และอัยการ เสนอแนะผ่านทางเรือนจำให้ผมยอมรับสารภาพจะได้ลดโทษกึ่งหนึ่ง ส่วนเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์เองได้เกลี้ยกล่อมให้ยอมรับสารภาพ เพื่อจะได้ขอรับพระราชทานอภัยโทษให้

ผมไม่เชื่อ และมั่นในความบริสุทธิ์ มั่นใจว่ายังมีความยุติธรรมอยู่ ผมจึงเดินหน้าต่อสู้คดี ในกระบวนการยุติธรรมต่อไป ระหว่างการไต่สวนไม่มีการเตรียมพยาน ไม่มีการเตรียมคดี เพียงแต่พูดความจริงให้หมดเปลือก ผมมั่นใจในความบริสุทธิ์เหมือนเดิมทุกประการ

ผมถูกคุมขังถึง 2 ปีเต็ม ใช้ชีวิตไร้อิสรภาพด้วยความซ้ำซาก จำเจ น่าเบื่อหน่าย อยู่กับนักโทษคนอื่น ๆ มากมายที่เข้ามาใหม่ และปล่อยตัวออกไป คดีนี้เป็นเพียงความคิดเห็นที่มีต่อสถานการณ์การเมืองในขณะนั้น เพียงแต่มีการตีความเกินไปกว่าถ้อยคำที่ปรากฏเพื่อเอาผิดให้ได้ ผมทำหน้าที่สื่อมวลชนในตำแหน่งบรรณาธิการบริหารโดยสุจริตใจ ผมจึงมั่นใจว่าจะได้รับการปล่อยตัวในที่สุด แต่แล้วเมื่อ 23 มกราคม 2556 ศาลตัดสินจำคุก 10 ปี บวกกับคดีหมิ่นประมาทที่รอลงอาญาไว้อีก 1 ปี รวมเป็นจำคุก 11 ปีด้วยกัน

ผมคิดทบทวนอยู่หลายวัน ความทุกข์ทรมานเจ็บปวดแทบสิ้นชีวิต ทำให้ผมคิดจะฆ่าตัวตายให้พ้นไปจากความทุกข์เหลือคณานับในครั้งนี้ มีเพียงนายปณิธาน พฤกษาเกษมสุข บุตรชายมาบอกให้ผมต่อสู้คดีให้ถึงที่สุด แม้ว่าในชั้นการอุทธรณ์ และฎีกา อาจจะยืดเยื้อถึง 5 – 6 ปีก็ตาม โดยมี คุณวสันต์ พานิช เป็นทนายความอีกคนหนึ่งที่เข้ามาช่วยในการโต้แย้งคดีในชั้นศาลอุทธรณ์

ผม คิดทบทวนอยู่หลายวันว่าการตัดสินใจของผมนั้นถูกหรือผิดกันแน่ ? ผมเลือกข้างผิดไปแล้ว ดูซิติดคุกมา 2 ปีแล้ว ยังประกันตัวไม่ได้ คนอื่น ๆ เขาได้ตำแหน่งสุขสบายกันไปหมดแล้ว ?

อุดมคติกินไม่ได้ สู้ไปติดคุกฟรี สารภาพไปเถอะ อยู่ไม่กี่ปีก็ได้ออกจากคุกไปเร็วกว่าสู้คดีอีก ถ้าสารภาพป่านนี้คงได้ออกจากคุกแล้ว ?

การต่อสู้คดีเป็นการท้าทาย ผมเตือนคุณแล้ว กองเชียร์ไม่ได้ติดคุกด้วย สู้ไปข้างหน้าติดคุกยาวแน่ ?

2 ปี แห่งความทุกข์ทรมานที่ผ่านมากับอีก 9 ปีข้างหน้าเป็นเดิมพันชีวิต ด้วยอิสรภาพทั้งทางร่างกายและจิตวิญญาณของผม ผมไม่รู้ว่าจะหมดลมหายใจเมื่อใด เมื่อต้องทุกข์ทรมานแสนสาหัสอยู่หลังกำแพงขัง และอยู่ในกรงขังเหล็กที่แน่นหนา

ไม่ว่าจะตายหรือเป็น ผมยังมั่นใจในความบริสุทธิ์ ช่วยผมหาคำตอบจากคำถามที่ผมคิดทบทวนอยู่หลายวันด้วยเถิด ... !!!

"นายกฯยิ่งลักษณ์" ฟ้องโลก "พี่ชายตนถูกรัฐประหาร-ประชาชนถูกยิงด้วยสไนเปอร์" ยืนยันวันนี้พร้อมลุกสู้!

PM's Speech at 7th Community of Democracies
 
 

โดย Yingluck Shinawatra (บันทึก) เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2013 เวลา 12:46 น.

เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2556 เฟซบุ๊คของนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เผยแพร่ ปาฐกถาพิเศษ นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร การประชุมประชาคมประชาธิปไตย อูลัน บาตอ, มองโกเลีย ดังนี้
คำแปลปาฐกถาพิเศษ นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร การประชุมประชาคมประชาธิปไตย อูลัน บาตอ, มองโกเลีย 29 เมษายน 2013

โดย Yingluck Shinawatra (บันทึก) เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2013 เวลา 8:47 น.

https://www.facebook.com/notes/yingluck-shinawatra/pms-speech-at-7th-community-of-democracies/491436050912141 

 http://www.go6tv.com/2013/04/blog-post_29.html


ท่านประธาน,

ท่านผู้มีเกียรติ,


ท่านผู้เข้าร่วมประชุม,


ดิฉันขอเริ่มด้วยการขอบคุณท่านประธานาธิบดีแห่งมองโกเลียที่ได้เชิญให้ดิฉันมาปาฐกถาณ การประชุมประชาคมประชาธิปไตยแห่งนี้

ดิฉันได้ตอบรับเชิญไม่เพียงเพราะดิฉันต้องการที่จะได้มีโอกาสเยือน มองโกเลียประเทศที่ประสบความสำเร็จในความเป็นประชาธิปไตย หรือไม่ได้มาเพียงที่จะได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับระบอบประชาธิปไตย แต่ดิฉันเดินทางมาที่นี่เพราะความเป็นประชาธิปไตยมีความสำคัญต่อดิฉันอย่าง มากและที่สำคัญยิ่งกว่าคือความไม่เป็นประชาธิปไตยมีผลกระทบต่อชีวิตความเป็น อยู่ของประชาชนในประเทศบ้านเกิดของดิฉันประเทศไทยที่ดิฉันรัก

ประชาธิปไตยนั้นไม่ใช่เป็นแนวคิดอุดมการณ์ใหม่ในช่วงเวลาที่ผ่านมายาวนาน แนวทางประชาธิปไตยได้นำมาซึ่งความก้าวหน้าและความหวังสำหรับผู้คนจำนวนมาก และในขณะเดียวกัน ผู้คนจำนวนมากได้เสียสละเลือดเนื้อและชีวิตเพื่อปกป้องรักษาและสร้างความ เป็นประชาธิปไตย

เป็นที่ประจักษ์ชัดว่ารัฐบาลของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน ไม่ได้ได้มาฟรีๆ สิทธิ เสรีภาพและความเชื่อที่ว่า มนุษย์ทุกคนไม่ว่าชายหรือหญิงมีความเท่าเทียมกันนั้นได้มาด้วยการต่อสู้และ ที่น่าเศร้าใจคือ ทำให้ต้องมีผู้เสียชีวิต

ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นหรือ?

ก็เพราะมีคนจำนวนไม่น้อยในโลกนี้ที่ไม่เชื่อใน แนวคิดประชาธิปไตย คนเหล่านี้พร้อมที่จะให้ได้มาด้วยอำนาจและด้วยการกดขี่การมีเสรีภาพนั่นหมาย ความว่าพวกเขาพร้อมที่เอารัดเอาเปรียบคนอื่น เขาไม่เคารพสิทธิมนุษยชนหรือความเสรีภาพพวกเขาพร้อมจะใช้กำลังเพื่อกดขี่ให้ คนอยู่ใต้อำนาจ และยังใช้อำนาจในทางที่ผิด สิ่งนี้ได้เกิดขึ้นในอดีตและยังคงท้าทายเราทุกคนในปัจจุบัน

มีหลายประเทศที่ความเป็นประชาธิปไตยได้หยั่งรากลึกแล้วซึ่งเป็นสิ่งที่ดี และเป็นความรู้สึกสดชื่นที่ได้เห็นกระแสประชาธิปไตยที่นำความเปลี่ยนแปลงสู่ ประเทศต่างๆจากปรากฏการณ์อาหรับสปริงค์ถึงช่วงผ่านเปลี่ยนในเมียนมาร์ภายใต้ ผลักดันของประธานาธิบดีเต็ง เส่ง รวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศของดิฉัน ด้วยพลังของประชาชนคนไทยที่ทำให้ดิฉันมายืนอยู่ที่นี่ได้ในวันนี้

ในระดับภูมิภาคหลักการสำคัญๆในปฏิญญาอาเซียนก็ยึดมั่นในหลักนิติธรรม, ประชาธิปไตยและรัฐบาลภายใต้รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย แต่ในขณะเดียวกันเราทุกคนต้องระมัดระวังว่าแรงปฏิกิริยาต่อต้านประชาธิปไตย ไม่เคยที่จะถดถอยลดน้อยลง

ดิฉันขอยกเรื่องของดิฉันเองเป็นอุทาหรณ์

ในปี1997 ประเทศไทยได้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ซึ่งร่างขึ้นโดยที่ประชาชนมีส่วน ร่วม เราทุกคนคิดว่ายุคใหม่ของประชาธิปไตยไทยมาถึงแล้วและจะเป็นยุคสมัยที่ไร้การ รัฐประหาร
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นรัฐบาลที่ได้รับการเลือกตั้งถึงสองครั้งสอง หนด้วยเสียงส่วนใหญ่ถูกล้มลงในปี 2006 ประเทศไทยเสมือนรถไฟตกรางและประชาชนคนไทยใช้เวลาเกือบ10 ปีกว่าที่จะได้เสรีภาพแห่งประชาธิปไตยกลับคืนมา

หลายคนที่อยู่ในที่ประชุมแห่งนี้รู้ว่ารัฐบาลที่ดิฉันพูดถึงคือรัฐบาลที่ พี่ชายของดิฉันพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีที่ได้รับการเลือกตั้งอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

หลายคนที่ไม่รู้จักดิฉันอาจบอกว่า เธอจะบ่นไปทำไม? เป็นเรื่องปกติในกระบวนการการเมืองที่รัฐบาลมาแล้วก็ไปซึ่งหากตัวดิฉันและ ครอบครัวของดิฉันต้องเจ็บปวดแต่ฝ่ายเดียว ดิฉันก็คงจะปล่อยวาง

แต่นั่นก็ไม่ใช่ความเป็นไปที่เกิดขึ้นจากการรัฐประหารประเทศไทยต้องถอย หลังและสูญเสียความน่าเชื่อถือต่อนานาชาติหลักนิติธรรมและกระบวนการกฎหมาย ถูกทำลาย โครงการและแผนงานที่พี่ชายของดิฉันริเริ่มตามที่ประชาชนต้องการถูกยกเลิก ประชาชนเกิดความรู้สึกว่าสิทธิเสรีภาพของเขาถูกปล้นไป
คำว่า“ไทย” หมายความว่า “อิสระ” และประชาชนคนไทยก็ได้ลุกขึ้นต่อสู้เรียกร้องเพื่อให้ได้เสรีภาพคืนมาแต่ใน เดือนพฤษภาคม 2553 มีการสลายการชุมนุมของผู้เรียกร้องกลุ่มคนเสื้อแดง จนทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง91 คนในใจกลางย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ

คนบริสุทธิ์ถูกลอบยิงโดยสไนป์เปอร์แกนนำการชุมนุมต้องติดคุกหรือหลบหนีไป ต่างประเทศ และแม้แต่ทุกวันนี้ยังคงมีเหยื่อทางการเมืองจากการเคลื่อนไหวเพื่อ ประชาธิปไตยที่ติดคุกอยู่

ประชาชนคนไทยไม่ท้อถอยและยืนยันที่จะเดินไปข้างหน้าจนในที่สุดรัฐบาลใน ขณะนั้นต้องจัดให้มีการเลือกตั้ง ซึ่งก็มีฝ่ายปฏิกิริยาต่อต้านประชาธิปไตยที่เชื่อว่าจะบริหารจัดการและบิด เบือนเจตนารมณ์ประชาธิปไตยได้ต่อแต่ในที่สุดพวกเขาก็ไม่สามารถปฏิเสธความ ต้องการของประชาชนได้ดิฉันได้รับการเลือกตั้งด้วยเสียงส่วนใหญ่ขอประเทศ แต่เรื่องราวนั้นยังไม่จบ

มีความชัดเจนว่าผู้ที่มีปฏิกิริยาต่อต้านประชาธิปไตยยังคงอยู่รัฐธรรมนูญ ที่ร่างขึ้นในรัฐบาลภายใต้คณะรัฐประหารได้ใส่กลไกที่ตีกรอบเพื่อจำกัดความ เป็นประชาธิปไตย

ตัวอย่างหนึ่งที่ดีในประเด็นนี้จะเห็นได้จากที่จำนวนครึ่งหนึ่งของ วุฒิสภาไทยมาจากการเลือกตั้ง แต่อีกครึ่งหนึ่งกลับได้รับการแต่งตั้ง โดยกลุ่มคนเล็กๆกลุ่มหนึ่งยิ่งกว่านั้น กลไกที่เรียกว่าองค์กรอิสระได้ใช้อำนาจเกินขอบเขตแทนประชาชนเจ้าของอำนาจที่ แท้จริงเป็นการดำเนินการเพื่อคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหนึ่งมากกว่าเพื่อคนส่วน ใหญ่ของสังคม

นี่คือความท้ายทายของประชาธิปไตยไทยในปัจจุบันดิฉันนั้นต้องการเห็นความปรองดองเกิดขึ้นในประเทศไทยและประชาธิปไตยของไทยพัฒนาให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยหลักนิติธรรมและกระบวนการทางกฎหมายที่ แข็งแรงมีขั้นตอนที่ชัดเจนโปร่งใสและเมื่อนั้นทุกคนจะสามารถมั่นใจได้ว่าเขาจะได้รับการดูแลที่ยุติธรรมเจตจำนงนี้ ดิฉันได้แสดงออกโดยประกาศเป็นนโยบายต่อที่ประชุมของรัฐสภาก่อนการปฏิบัติ หน้าที่ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล

ความมีประชาธิปไตยทำให้เกิดเสถียรภาพทางการเมืองเกิดสภาพแวดล้อมที่ดึง ดูดการลงทุน นำมาสู่การสร้างงานสร้างรายได้ที่สำคัญดิฉันเชื่อว่าเสรีภาพทางการเมืองเป็น การแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำด้วยการเปิดโอกาสทางเศรษฐกิจและนำมาซึ่งการลด ช่องว่างทางรายได้ระหว่างคนจนคนรวย

นี่คือเหตุผลว่าทำไมจึงเป็นความสำคัญที่จะต้องสร้างความแข็งแกร่งให้กับ ประชาชนในระดับรากหญ้าเราจะต้องเดินหน้าปฏิรูปการศึกษา เพราะการศึกษาสร้าง โอกาสด้วยความรู้ และปลูกฝังวัฒนธรรมทางประชาธิปไตยในวิถีชีวิตของประชาชน

เมื่อประชาชนมีความรู้ประชาชนจะสามารถตัดสินใจด้วยข้อมูลที่ครบถ้วนและ สามารถปกป้องความเชื่อของตนจากผู้ที่ต้องการกดขี่และนี่คือเหตุผลที่ประเทศไทยสนับสนุนข้อเสนอของมองโกเลียในที่ประชุมใหญ่สหประชาชาติเกี่ยวกับการ ศึกษาและประชาธิปไตย

การลดช่องว่างระหว่างคนรวยคนจนก็สำคัญเช่นกันมนุษย์ทุกคนควรมีโอกาสที่เท่าเทียมกัน เราต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง สิ่งนี้จะทำให้ประชาชนเป็นผู้มีส่วนร่วมที่แท้จริงในการพัฒนาเศรษฐกิจและ เสริมสร้างประชาธิปไตยของประเทศ

นี่คือเหตุผลที่รัฐบาลต้องริเริ่มนโยบายที่จะเพิ่มโอกาสให้ประชาชนสร้าง ชีวิตที่ดีกว่าและมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคม ดิฉันได้เริ่มต้นไว้หลายโครงการ รวมถึงการสร้างกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีการสนับ สนุนผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น และวิสาหกิจขนดกลางขนาดย่อม ในขณะที่ได้กำหนดมาตรการยกระดับรายได้ของเกษตรกร

และดิฉันเชื่อว่าเราต้องการการนำที่มีประสิทธิภาพและมีความสร้างสรรค์ ประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายและหลักนิติธรรมตลอดจนความสร้างสรรค์ในการ หาทางออกที่สันติในการแก้ไขปัญหาของประชาชน

เราต้องการการนำที่ไม่จำกัดอยู่เฉพาะในซีกรัฐบาลแต่ในฝ่ายค้านและประชาชน ทุกคนที่มีส่วนได้ส่วนเสียทุกคนต้องเคารพกฎหมายและช่วยกันสร้างประชาธิปไตย

ท่านผู้มีเกียรติที่เคารพ,

อีกบทเรียนที่ได้เรียนรู้คือเพื่อนในต่างประเทศมีความสำคัญการกดดันจาก นานาชาติที่เชื่อในระบอบประชาธิปไตยทำให้กระบวนการประชาธิปไตยในประเทศไทยคง อยู่ได้การคว่ำบาตรและการไม่ยอมรับเป็นกลไกที่สำคัญที่จะหยุดกระบวนการ ปฏิกิริยาที่ต่อต้านประชาธิปไตย

เวทีนานาชาติอย่างประชาคมประชาธิปไตยแห่งนี้มีบทบาทที่จะช่วยให้ ประชาธิปไตยยืนหยัดอยู่ได้การส่งเสริมและปกป้องประชาธิปไตยด้วยการหารือแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น ประสบการณ์ และสร้างความร่วมมือหากประเทศใดก็ตาม ได้มีการเปลี่ยนแปลงที่ขัดต่อหลักการประชาธิปไตย ทุกคนต้องร่วมกันกดกันเพื่อการเปลี่ยนแปลงและนำเสรีภาพกลับคืนสู่ประชาชน

ดิฉันขอยืนยันว่าจะให้การสนับสนุนเวทีนี้ และการดำเนินงานของสภาบริหาร( GoverningCouncil ) เพื่อจะได้ช่วยให้ประชาธิปไตยแข็งแกร่งขึ้นทั่วโลก นอกจากนี้ดิฉันขอชื่นชม ประธานาธิบดีมองโกเลียสำหรับข้อริเริ่มความเป็นหุ้นส่วนเอเชียเพื่อ ประชาธิปไตย( Asian Partnership Initiative for Democracy ) และทางรัฐบาลไทยพร้อมที่จะส่งเสริมความร่วมมือในส่วนนี้

ท่านผู้มีเกียรติ,

ดิฉันขอปิดท้ายด้วยการประกาศว่าดิฉันหวังว่าความเจ็บปวดที่ครอบครัวของ ดิฉันได้รับที่ครอบครัวของเหยื่อทางการเมืองไทย และครอบครัวของผู้เสียชีวิตทั้ง 91 คนในเหตุการณ์เมื่อเดือนพฤษภาคม2553 ต้องเผชิญ จะเป็นความเจ็บปวดครั้งสุดท้ายสำหรับประเทศไทย

ขอให้เราทุกคนสนับสนุนระบอบประชาธิปไตยเพื่อที่เสรีภาพและอิสรภาพของมนุษย์ได้รับการปกปักษ์รักษาเพื่อลูกหลานและคนรุ่นต่อๆไป

ขอบคุณค่ะ

PM's Speech at 7th Community of Democracies



Statement
of
HerExcellency Ms. Yingluck Shinawatra
PrimeMinister of the Kingdom of Thailand
atthe 7th Ministerial Conference of the Community of Democracies
Ulaanbaatar,Mongolia, 29 April 2013
--------------------------------

Mr.Chairman,
Excellencies,
Delegatesto the Conference,
Ladiesand Gentlemen,

                   I wish to begin by expressingmy appreciation to His Excellency the President of Mongolia for inviting me tospeak at this Conference of the Community of Democracies. 

Iaccepted this invitation not only because I wanted to visit a country that hasmade many achievements regarding democracy, or to exchange ideas and views ondemocracy. But I am here also because democracy is so important to me, and moreimportantly, to the people of my beloved home, Thailand.

Democracyis not a new concept. Over the years, It has brought progress and hope to a lotof people. At the same time, many people have sacrificed their blood and livesin order to protect and build a democracy.

Agovernment of the people, by the people and for the people does not comewithout a price.  Rights, liberties andthe belief that all men and women are created equal have to be fought, andsadly, died for.

Why?This is because there are people in this world who do not believe in democracy.They are ready to grab power and wealth through suppression of freedom.  This means that they are willing to takeadvantage of other people without respecting human rights and liberties.  They use force to gain submission and abusethe power.  This happened in the past andstill posed challenges for all of us in the present.

Inmany countries, democracy has taken a firm root.  And it is definitely refreshing to seeanother wave of democracy in modern times, from Arab Spring to the successfultransition in Myanmar through the efforts of President Thein Sein, and also thechanges in my own country where the people power in Thailand has brought mehere today.

Atthe regional level, the key principles in the ASEAN Charter are the commitmentto rule of law, democracy and constitutional government.  However, we must always beware thatanti-democratic forces never subside. Let me share my story.

                    In1997, Thailand had a new constitution that was created through theparticipation from the people.  Becauseof this, we all thought a new era of democracy has finally arrived, an erawithout the cycle of coups d’état.

It was not tobe.  An elected government which won twoelections with a majority was overthrown in 2006. Thailand lost track and thepeople spent almost a decade to regain their democratic freedom.

Many of you hereknow that the government I am talking about was the one with my brother,Thaksin Shinawatra, as the rightfully elected Prime Minister. 

Many who don’tknow me say that why complain?  It is anormal process that governments come and go. And if I and my family were theonly ones suffering, I might just let it be.

But it wasnot.  Thailand suffered a setback andlost international credibility. Rule of law in the country was destroyed.Projects and programmes started by my brother’s government that came from thepeople’s wishes were removed. The people felt their rights and liberties werewrongly taken away.

Thai means free,and the people of Thailand fought back for their freedom. In May 2010, acrackdown on the protestors, the Red Shirts Movement, led to 91 deaths in theheart of the commercial district of Bangkok.

Many innocentpeople were shot dead by snipers, and the movement crushed with the leadersjailed or fled abroad.  Even today, manypolitical victims remain in jail.

However, thepeople pushed on, and finally the government then had to call for an election,which they thought could be manipulated. In the end, the will of people cannotbe denied. I was elected with an absolute majority.  

But the story isnot over. It is clear that elements of anti-democratic regime still exist. Thenew constitution, drafted under the coup leaders led government, put inmechanisms to restrict democracy.

A good exampleof this is that half of the Thai Senate is elected, but the other half isappointed by a small group of people. In addition, the so called independentagencies have abused the power that should belong to the people, for thebenefit of the few rather than to the Thai society at large.

This is thechallenge of Thai democracy.  I wouldlike to see reconciliation and democracy gaining strength. This can only beachieved through strengthening of the rule of law and due process. Only thenwill every person from all walks of life can feel confident that they will betreated fairly. I announced this as part of the government policy at Parliamentbefore I fully assumed my duties as Prime Minister.

Moreover,democracy will also promote political stability, providing an environment forinvestments, creating more jobs and income. And most importantly, I believepolitical freedom addresses long term social disparities by opening economicopportunities that would lead to reducing the income gap between the rich andthe poor.

That is why itis so important to strengthen the grassroots. We can achieve this througheducation reforms. Education creates opportunities through knowledge, anddemocratic culture built into the ways of life of the people.

Only then willthe people have the knowledge to be able to make informed choices and defendtheir beliefs from those wishing to suppress them. That is why Thailandsupported Mongolia’s timely UNGA resolution on education for democracy.  

Also importantis closing gaps between rich and poor. Everyone should be given opportunities and no one should be leftbehind.  This will allow the people tobecome an active stakeholder in building the country’s economy and democracy. 

That is why myGovernment initiated policies to provide the people with the opportunities tomake their own living and contribute to the development of our society. Some ofthese include creating the Women Development Fund, supporting local products andSMEs as well as help raising income for the farmers.

And I believeyou need effective and innovative leadership. Effective in implementing rule of law fairly. Innovative in findingcreative peaceful solutions to address the problems of the people.

You needleadership not only on the part of governments but also on the part of theopposition and all stakeholders. All must respect the rule of law andcontribute to democracy.

Ladies andGentlemen,

Anotherimportant lesson we have learnt was that international friends matter.  Pressure from countries who value democracykept democratic forces in Thailand alive. Sanctions and non-recognition are essential mechanisms to stopanti-democratic regimes.

An international forum like Community ofDemocracies helps sustain democracy, seeking to promote and protect democracythrough dialogue and cooperation.  Moreimportantly, if any country took the wrong turn against the principle ofdemocracy, all of us here need to unite to pressure for change and return freedomto the people.

 I will always support the Community ofDemocracies and the work of the Governing Council.  I also welcome thePresident’s Asian Partnership Initiative for Democracy and will explore how toextend our cooperation with it.

Ladies and Gentlemen,

Iwould like to end my statement by declaring that, I hope that the sufferings ofmy family, the families of the political victims, and the families of the 91people, who lost their lives in defending democracy during the bloodshed in May2010, will be the last. 

Letus continue to support democracy so that the rights and liberties of all humanbeings will be protected for future generations to come!

Thank you.  

วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2556

จังหวะก้าว"มวลชน" ตีระฆังเตือน พ.ท.-ปชป. ถึงเวลา"อัพเกรด"?




วิเคราะห์ การเมือง มติชน 21 เมษายน 2556
www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1366517560&grpid=&catid=01&subcatid=0100


สำหรับ ความเคลื่อนไหวทางการเมืองจนถึงห้วงเวลาปัจจุบัน หากจำแนกการเมืองเป็นฝ่าย "การเมือง" กับฝ่าย "ประชาชน" แล้ว ต้องยอมรับว่า ฝ่ายประชาชนมีจังหวะการก้าวย่างที่น่าจับตามอง

เหตุการณ์เมื่อวันที่ 18 เมษายน ที่พรรคเพื่อไทยผลักดันให้เลื่อนวาระการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. นิรโทษกรรมขึ้นมาเป็นวาระเร่งด่วนนั้นสะท้อนอะไรบางอย่างให้เห็น

ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมนี้ นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และ 40 ส.ส.ที่ร่วมผลักดัน ต้องการให้ผู้ที่ต้องโทษหรือถูกคุมขังหรือมีความผิดอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ ความขัดแย้งทางการเมือง ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 นั้นได้รับการนิรโทษ

ดังความในมาตรา 3 สรุปว่า ...

ให้ การกระทำใดๆ ของบุคคลที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมือง หรือการแสดงออกทางการเมือง หรือบุคคลที่ไม่ได้เข้าร่วมการชุมนุมทางการเมือง แต่การกระทำนั้นมีมูลเหตุเกี่ยวข้องหรือเกี่ยวเนื่องกับความขัดแย้งทางการ เมือง หรือการแสดงออกทางการเมือง โดยการกล่าวด้วยวาจา หรือโฆษณา ด้วยวิธีการใดเพื่อเรียกร้องหรือต่อต้านรัฐ การป้องกันตน การต่อสู้ขัดขืนการดำเนินการของเจ้าหน้าที่รัฐ หรือการชุมนุม การประท้วง หรือการแสดงออกด้วยวิธีการใดๆ อันอาจกระทบต่อชีวิต ร่างกาย อนามัย ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดของบุคคล ระหว่างวันที่ 19 กันยายน 2549 ถึงวันที่ 10 พฤษภาคม 2554 ไม่ถือเป็นความผิดต่อไป และให้ผู้กระทำการนั้นพ้นจากการเป็นผู้กระทำผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง

ทั้งนี้ ไม่รวมถึงการกระทำของบรรดาผู้มีอำนาจตัดสินใจหรือสั่งการให้มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองในห้วงระยะเวลาดังกล่าว

น่า สังเกตว่า การเลื่อนวาระการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวขึ้นมา เกิดจากแรงผลักดันของมวลชนคนเสื้อแดงที่เริ่ม "น้อยใจ" หลังจากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล แกนนำได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มีตำแหน่งทางการเมือง ถึงระดับรัฐมนตรี แต่เพื่อนฝูงญาติพี่น้องจำนวนหนึ่งยังติดคุก

น่าสังเกตอีกว่า ในวาระการเลื่อนพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ขึ้นมาเป็นวาระเร่งด่วน เดิมทีคาดว่าจะมีมวลชนที่ไม่เห็นด้วยเดินทางมาคัดค้าน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดกำลังไว้เตรียมรับ

แต่ในที่สุดมวลชนก็ไม่ได้แห่แหนกันไปดังคาด กระบวนการคัดค้านยังดุเดือดอยู่ในกรอบของสภาเท่านั้น

ข้อสังเกตทั้ง 2 ประการเกี่ยวโยงกับ "มวลชน" ที่ตั้งอยู่ในความสงบ และแสดงถึงความเข้าใจสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้น

คล้ายกับว่า "มวลชน" ได้สรุปบทเรียนจากเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในหลายปีที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดี

"มวล ชน" ได้แสดงท่าทีแห่งความเข้าใจในการเคลื่อนไหวหลายครั้ง แต่ที่เห็นชัดคือ การเคลื่อนไหวขององค์การพิทักษ์สยาม ที่มี พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือ เสธ.อ้าย เป็นแกนนำ ซึ่งตั้งใจจะจัดชุมนุมขับไล่รัฐบาล แต่เมื่อเงื่อนไขทุกประการมิได้เอื้อ "มวลชน" ก็ไม่เล่นด้วย

ยังมี เหตุการณ์ปัจจุบัน คือ การพิจารณาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ศาลโลก ในกรณีปราสาทพระวิหาร ที่มีกลุ่มพลังบางกลุ่ม พยายามปลุกคนไทยให้คลั่งชาติ

แต่สุดท้าย "มวลชน" ก็ยังอยู่ในที่ตั้ง รับฟังและติดตามข่าวสารอย่างนิ่งสงบ

หรือ แม้แต่ ความพยายามปลุกกระแส "ทวงคืน ปตท." โดยเคลื่อนไหวผ่านทางเว็บไซต์จนเกือบจะลุกเป็นไฟ แต่ทุกอย่างก็ยังไม่รุนแรง เพราะ "มวลชน" รอฟังข้อมูล เพื่อการกลั่นกรองหาความจริง

ด้วยความเคลื่อนไหวของ "มวลชน" ในขณะนี้ ทำให้การเมืองที่ทำทีจะลุกเป็นไฟ ยังคงสงบราบเรียบ

ด้วยอาการของ "มวลชน" ที่ปรากฏ ได้กดดันให้ฝ่ายการเมืองต้องขยับปรับปรุงตัวเอง

พรรคเพื่อไทยถูกคนเสื้อแดงรุกถามถึงแนวทางการช่วยเหลือกลุ่มคนที่ติดคุกเนื่องจากเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง

ถามแกนนำไม่รู้เรื่อง ก็ถามไปถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่อยู่นอกประเทศ..... รัฐบาลจะช่วยเหลือคนเหล่านี้อย่างไร

พรรคประชาธิปัตย์ตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ เพราะมวลชนถดถอย ไม่ยอมรับ จนภายในเริ่มหันกลับไปทบทวนตัวเอง

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จึงกลายเป็นหน่วยกล้าตาย กระตุ้นให้ประชาธิปัตย์ปฏิรูป เพื่อรับการเปลี่ยนแปลงของ "มวลชน"

ขณะ ที่รัฐบาลเองก็ถูกคาดหวังมากขึ้น รัฐมนตรีแต่ละกระทรวง นอกจากต้องมี "เส้น" มี "สาย" ยังต้องมี "ผลงาน" ตามนโยบายที่แถลงไว้ต่อประชาชน

รัฐมนตรี ที่ไม่เคยชี้แจงข้อสงสัย รัฐมนตรีที่ไม่เคยอธิบายความคืบหน้า รัฐมนตรีที่ไม่เคยพูดถึงความสำเร็จ ล้วนเป็นรัฐมนตรีที่กำลังต้องเผชิญหน้ากับคำถามจาก "มวลชน"

น่าสังเกตว่า เหตุการณ์ความขัดแย้งและความรุนแรงที่ผ่านมา ทำให้ "มวลชน" ได้รับบทเรียน

บทเรียนที่ถูกหลอก บทเรียนที่ถูกกระทำ และบทเรียนทางการเมืองที่ต้องจดจำ เพื่อไม่ให้เพลี่ยงพล้ำฝ่ายใด

เมื่อ "มวลชน" เข้มแข็งขึ้น "การเมือง" จึงต้อง "อัพเกรด" เพื่อให้สอดรับกับการเติบโตของ "มวลชน"

วันเสาร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2556

อดีตผู้พิพากษาอ่านจม.ถึงผู้พิพากษา “ทางเดียวจะกลับมาเป็นหลัก ต้องปฏิรูปตัวเอง”


อดีตผู้พิพากษาอ่านจม.ถึงผู้พิพากษา “ทางเดียวจะกลับมาเป็นหลัก ต้องปฏิรูปตัวเอง” 

ภายในเวที “ศาลกับความยุติธรรมในสังคมไทย” หลังการเสวนาสิ้นสุดลง ไฮไลท์ของงานอย่างหนึ่งคือ สถิตย์ ไพเราะ อดีตรองประธานศาฎีกา ได้เป็นตัวแทนขึ้นอ่านจดหมายเปิดผนึกถึงผู้พิพากษาและตุลาการทั่วประเทศ

 


วิดีโอคลิป วรเจตน์ ภาคีรัตน์การกล่าวแนะนำสถิตย์ ไพเราะ อดีตรองประธานศาลฎีกา
และการอ่านจดหมายเปิดผนึกถึงผู้พิพากษาและตุลาการทั่วประเทศโดย สถิตย์ ไพเราะ 

(รับชมแบบ HD คลิกที่นี่)
โดยเขาได้กล่าวความในใจก่อนอ่านจดหมายเรียกเสียงหัวเราะจากผู้ฟังได้เป็น ระยะ อธิบายถึงสาเหตุที่รับหน้าที่อ่านจดหมายว่า เนื่องจากเป็นข้าราชการเกษียณรับเงินเดือนจากภาษีประชาชน และเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นจึงอยากให้องค์กรตุลาการที่ตนเองสังกัดได้รับการ ปรับปรุงพัฒนา



สำหรับเนื้อหาของจดหมาย ระบุถึงปัญหาที่มาที่องค์กรตุลาการเข้ามาเกี่ยวพันทางการเมืองอย่างเห็นได้ ชัดนับตั้งแต่รัฐประหารเป็นต้นมา และทำให้เสียความน่าเชื่อถือ นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้ใช้และตีความกฎหมายต่างๆ ภายใต้อุดมการณ์ประชาธิปไตยและนิติรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรา 112 และผลักดันให้เกิดการปฏิรูปโครงสร้างขององค์กรตุลาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปฏิรูปที่มา ระบบการตรวจสอบถ่วงดุล ตลอดจนความพร้อมรับผิดต่อการใช้อำนาจของบรรดาผู้พิพากษาและตุลาการ
"เมื่อพิจารณาจากบทบาทขององค์กรตุลาการที่แสดงออกผ่านคำวินิจฉัยและคำ พิพากษา ในคดีที่เกี่ยวพันกับความขัดแย้งทางการเมืองในประเด็นต่างๆ ภายหลังการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 เป็นต้นมาแล้ว ย่อมปฏิเสธไม่ได้ว่าองค์กรตุลาการได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาความขัดแย้ง ที่ฝังรากลึกอยู่ในสังคมไทยขณะนี้ สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้องค์กรตุลาการในภาพรวมมิได้ดำรงอยู่ในฐานะ “คนกลาง” ที่ทุกฝ่ายของสังคมยอมรับและนับถือให้คำวินิจฉัยหรือคำพิพากษาเป็นยุติอีก ต่อไป หนทางเดียวที่จะทำให้องค์กรตุลาการกลับมาเป็นหลักแก่สังคม คือการต้องปฏิรูปตนเอง การละเลยนิ่งเฉยไม่ดำเนินการดังที่ได้เรียนมาข้างต้น ย่อมจะส่งผลให้องค์กรตุลาการถูกมองจากสาธารณชนว่าเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนา ประชาธิปไตย และยากที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกปรับเปลี่ยนโดยพลังจากภายนอกได้ในที่สุด" ส่วนหนึ่งของจดหมายเปิดผนึก

จดหมายเปิดผนึกถึงผู้พิพากษาและตุลาการ

วันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๖
 หอประชุมศรีบูรพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

เรียน ผู้พิพากษาและตุลาการ

โดยที่ปรากฏชัดว่าหลังรัฐประหาร ๑๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๙ อันเป็นการได้มาซึ่งอำนาจรัฐโดยไม่เป็นไปตามวิถีทางของระบอบประชาธิปไตยและ เป็นการแย่งชิงอำนาจที่ปราศจากความชอบธรรมนั้น องค์กรตุลาการไม่ว่าจะเป็นศาลรัฐธรรมนูญ ศาลยุติธรรมและศาลปกครอง ได้เข้ามามีบทบาทในการพิจารณาพิพากษาคดี ซึ่งก่อให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยแก่สาธารณชนว่าการใช้และการตีความกฎหมาย ขององค์กรตุลาการเป็นไปโดยสอดคล้องกับอุดมการณ์แห่งการปกครองในระบอบ ประชาธิปไตย และสนับสนุนการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพอันเป็นคุณค่าพื้นฐานของหลักนิติรัฐหรือ ไม่
บุคคลและคณะบุคคลที่ได้ร่วมกันเขียนจดหมายเปิดผนึกฉบับนี้ขึ้นขอเรียนว่า บทบาทขององค์กรตุลาการที่ก่อให้สาธารณชนเกิดความเคลือบแคลงเช่นนั้น ย่อมเห็นได้จากการที่องค์กรตุลาการได้นำเอาประกาศของคณะรัฐประหารมาใช้ บังคับแก่คดีทั้ง ๆ ที่คณะรัฐประหารได้สูญสิ้นอำนาจในทางความเป็นจริงไปแล้ว ส่งผลให้สาธารณชนตลอดจนผู้พิพากษาและตุลาการที่ยึดมั่นในการปกครองระบอบ ประชาธิปไตยเห็นว่า กระบวนการยุติธรรมภายหลังจากการทำรัฐประหารนั้นเป็นกระบวนการที่รับเอา ภารกิจของการทำรัฐประหารมาสานต่อ เพื่อทำให้การโค่นล้มรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งโดยชอบธรรมตามวิถี ทางประชาธิปไตยบรรลุผลอย่างสมบูรณ์ การตัดสินคดีหลายคดีที่เชื่อมโยงกับการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ มิใช่เป็นปัญหาเฉพาะในทางหลักการเท่านั้น หากแต่ยังส่งผลกระทบในทางปฏิบัติด้วย เพราะบรรดาบุคคลตลอดจนกลุ่มผลประโยชน์ทางการเมืองทั้งที่ปรากฏชัดแจ้งและที่ แฝงเร้นซึ่งได้รับประโยชน์จากคำวินิจฉัยและคำพิพากษาที่มีจุดเกาะเกี่ยวกับ การทำรัฐประหารเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ ต่างอ้างคำวินิจฉัยและคำพิพากษาเหล่านั้นเป็นบรรทัดฐาน โดยละเลยข้อเท็จจริงที่ว่า คำวินิจฉัยและคำพิพากษาดังกล่าวมีที่มาซึ่งเชื่อมโยงกับการแย่งชิงอำนาจรัฐ ที่ปราศจากความชอบธรรมในทางประชาธิปไตยทั้งสิ้น มิพักต้องกล่าวถึงเนื้อหาของคำวินิจฉัยและคำพิพากษาเหล่านั้นซึ่งมีข้อ วิพากษ์วิจารณ์ในหลายกรณี ไม่ว่าจะเป็นการใช้กฎหมายย้อนหลังในทางที่เป็นผลร้าย หรือแม้แต่การขยายความบทบัญญัติที่มีโทษอาญาออกไปจนกระทั่งมีลักษณะเป็นการ เทียบเคียงบทกฎหมายเพื่อลงโทษบุคคล การอ้างอิงคำวินิจฉัยและคำพิพากษาที่มีลักษณะเช่นนี้ ก่อให้เกิดความขัดแย้งต่อเนื่องมาในสังคม ซึ่งความขัดแย้งเช่นว่านั้นย่อมไม่อาจเกิดขึ้นได้ หากองค์กรตุลาการใช้และตีความกฎหมายโดยซื่อตรงต่ออุดมการณ์ประชาธิปไตย และปฏิเสธที่จะบังคับใช้บรรดาประกาศตลอดจนคำสั่งทั้งหลายของคณะรัฐประหาร
สำหรับบทบาทขององค์กรตุลาการที่มีลักษณะไม่สนับสนุนการคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพนั้น ย่อมเห็นประจักษ์ชัดจากกรณีของการใช้และการตีความประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ อันบัญญัติถึงความผิดฐานดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ความผิดฐานนี้ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีปัญหาในหลายประการและหลายระดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอัตราโทษที่สูงเกินสมควรแก่เหตุ รวมทั้งการเปิดโอกาสให้บุคคลใดก็ได้สามารถเป็นผู้กล่าวโทษบุคคลอื่นต่อเจ้า พนักงาน อย่างไรก็ตาม กฎหมายที่ไม่ยุติธรรมนั้น หากได้รับการปรับใช้ไปตามอุดมการณ์ประชาธิปไตยและนิติรัฐแล้ว ก็ย่อมมีส่วนช่วยบรรเทาปัญหาที่จะเกิดขึ้นจากกฎหมายเช่นว่านั้นได้ แต่เท่าที่ปรากฏต่อสาธารณชน การดำเนินกระบวนพิจารณาคดีในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ มีข้อที่เห็นได้ว่าน่าจะไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ทางกฎหมายที่ถูกต้อง เช่น การที่ศาลใช้ดุลพินิจในการปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีตามมาตรา ๑๑๒ แตกต่างไปจากคดีความผิดฐานอื่นที่มีอัตราโทษใกล้เคียงกัน ทั้งๆที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๔๐ (๗) ได้บัญญัติรับรองสิทธิของผู้ต้องหาหรือจำเลยในการได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ไว้ และตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๒๗ สิทธิที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้ย่อมผูกพันองค์กรของรัฐในการตรากฎหมาย การใช้บังคับกฎหมาย และการตีความกฎหมายทั้งปวง ซึ่งหมายความว่าหากศาลจะไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจำเลยใน คดีตามมาตรา ๑๑๒ ซึ่งจะมีผลเป็นการปฏิเสธสิทธิในทางรัฐธรรมนูญของผู้ต้องหาหรือจำเลยแล้ว ศาลจะต้องให้เหตุผลที่หนักแน่นมั่นคงในอันที่จะปฏิเสธสิทธิในทางรัฐธรรมนูญ เช่นว่านั้น แต่เท่าที่ปรากฏต่อสาธารณะ คำสั่งปฏิเสธคำร้องขอให้ปล่อยตัวชั่วคราวของผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีตาม มาตรา ๑๑๒ จำนวนหลายคำร้องไม่ว่าจะเป็นคำสั่งของศาลในชั้นใด ศาลไม่ได้ให้เหตุผลโดยการชั่งน้ำหนักสิทธิในทางรัฐธรรมนูญของจำเลยกับข้อ กฎหมายที่ศาลอาจใช้อ้างในการไม่ปล่อยตัวชั่วคราวเลย นอกจากนี้ ในหลายกรณียังปรากฏด้วยว่า ศาลได้ก้าวล่วงอำนาจนิติบัญญัติโดยการกำหนด “เหตุ” แห่งการปฏิเสธการปล่อยชั่วคราวขึ้นเสียเอง เช่น “คดียังอยู่ระหว่างสืบพยานโจทก์” หรือ “เป็นความผิดที่สะเทือนจิตใจประชาชน” เป็นต้น ซึ่งนับเป็นเรื่องที่น่ากังวลยิ่ง  ยิ่งไปกว่านั้น หากพิเคราะห์คำพิพากษาในบางคดีโดยละเอียดแล้วจะพบว่ามีลักษณะที่ขัดหรือแย้ง กับหลักกฎหมายหลายประการ เช่น คดีนายอำพล ตั้งนพกุล หรืออากง ที่ศาลพิพากษาลงโทษนายอำพล ด้วยเหตุผลประการหนึ่งว่า “แม้โจทก์จะไม่ สามารถนำสืบแสดงให้เห็นได้อย่างชัดแจ้งว่าจำเลยเป็นผู้ส่งข้อความ ฯลฯ แต่ก็เพราะเป็นการยากที่โจทก์จะสามารถสืบด้วยประจักษ์พยาน เนื่องจากผู้ที่กระทำความผิดที่มีลักษณะร้ายแรงดังกล่าว ย่อมจะต้องปกปิดการกระทำของตนมิให้บุคคลอื่นได้ล่วงรู้ ทั้งจะอาศัยโอกาสกระทำเมื่อไม่มีผู้ใดรู้เห็น” ซึ่งขัดกับหลักเรื่องภาระการพิสูจน์ในคดีอาญาที่กฎหมายกำหนดให้เป็นหน้าที่ ของโจทก์ในอันที่จะต้องพิสูจน์ความผิดของจำเลยให้ชัดแจ้ง และขัดกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๗ วรรคหนึ่ง ซึ่งบัญญัติว่า “ให้ศาลใช้ดุลพินิจวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานทั้ง ปวง อย่าพิพากษาลงโทษจนกว่าจะแน่ใจว่ามีการกระทำผิดจริงและจำเลยเป็นผู้กระทำ ความผิดนั้น” และวรรคสอง ซึ่งบัญญัติว่า “เมื่อมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้กระทำผิดหรือไม่ ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลย” การวินิจฉัยในลักษณะที่เป็นปัญหาเช่นนี้ยังเกิดขึ้นกับคดีนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ที่ศาลพิพากษาจำคุกนายสมยศ ๑๐ ปี ด้วยข้อสันนิษฐานว่า เมื่อจำเลยเป็นบรรณาธิการ จำเลยย่อมต้องรู้ข้อความ รวมทั้งความหมายในบทความที่เขียนขึ้นโดยบุคคลอื่นอันเป็นการหมิ่นประมาทพระ มหากษัตริย์ ซึ่งข้อสันนิษฐานในลักษณะนี้ไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดรองรับ
นอกจากนี้ ในคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ ๒๘-๒๙/๒๕๕๕ ที่วินิจฉัยว่าประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ ไม่ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญนั้น เมื่อพิเคราะห์คำวินิจฉัยโดยตลอดแล้วย่อมเห็นได้ว่าคำวินิจฉัยนี้แสดงให้ สาธารณชนเห็นถึงทัศนะที่ยึดถืออุดมการณ์กษัตริย์นิยมเหนืออุดมการณ์นิติรัฐ ประชาธิปไตยของบรรดาผู้พิพากษาและตุลาการจำนวนหนึ่งอย่างชัดแจ้ง ศาลรัฐธรรมนูญยืนยันในคำวินิจฉัยฉบับนี้โดยปราศจากเหตุผลทางกฎหมายที่มี น้ำหนักว่า มาตรา ๑๑๒ จำกัดสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นอย่างพอสมควรแก่เหตุแล้ว นอกจากนี้ศาลยังวินิจฉัยด้วยว่าบทลงโทษจำคุกตั้งแต่ ๓ ปี ถึง ๑๕ ปีกรณีดูหมิ่น หมิ่นประมาท แสดงความอาฆาตมาดร้ายได้สัดส่วนกับการกระทำอันเป็นความผิด โดยให้เหตุผลว่าสถาบันพระมหากษัตริย์มีลักษณะพิเศษเกี่ยวข้องกับความมั่นคง ของราชอาณาจักร และพรรณนาความแสดงให้เห็นถึงคุณงามความดีของพระมหากษัตริย์ ซึ่งการพรรณนาเช่นนั้นย่อมไม่ใช่เหตุผลทางกฎหมายที่ศาลจะนำมาใช้ประกอบการ วินิจฉัยว่าบทบัญญัติในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญได้  อีกทั้งศาลรัฐธรรมนูญยังนำมาตรา ๑๑๒ มาปะปนกับบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๘ ที่ว่า “องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้” โดยมิได้พิจารณาถึงวัตถุประสงค์ของการดำรงอยู่ของบทบัญญัติมาตรานี้ในการ ปกครองระบอบประชาธิปไตยที่พระมหากษัตริย์ทรงอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญแต่อย่างใด คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจึงแสดงให้เห็นว่าสิทธิและเสรีภาพของบุคคลที่ได้ รับการรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญย่อมปราศจากค่าบังคับทันทีเมื่อเผชิญหน้ากับ กฎเกณฑ์ทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์ โดยศาลให้ความสำคัญกับพระมหากษัตริย์มากกว่าระบอบประชาธิปไตยและการคุ้มครอง สิทธิและเสรีภาพของบุคคล ทั้งๆที่ระบอบประชาธิปไตยในรัฐที่เป็นราชอาณาจักรนั้น พระมหากษัตริย์ทรงอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันหนึ่งที่อยู่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย หาใช่อยู่เหนือระบอบประชาธิปไตยไม่
ตัวอย่างที่กล่าวมาโดยสังเขปนี้ ย่อมทำให้สาธารณชนทั่วไปเห็นได้ว่ากระบวนการยุติธรรมในระบบกฎหมายในเวลานี้ มีปัญหาอย่างไร ปัญหาทั้งปวงข้างต้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาในระดับอุดมการณ์เป็นปัญหาที่ไม่ สามารถแก้ไขได้โดยระบบการอุทธรณ์คำวินิจฉัยหรือคำพิพากษา อีกทั้งไม่สามารถแก้ไขได้โดยระบบของการตรวจสอบถ่วงดุล เพราะในเชิงโครงสร้าง องค์กรตุลาการในระบบกฎหมายไทยเป็นระบบปิดหรือกึ่งปิด ระบบเช่นนี้ทำให้การตรวจสอบการใช้อำนาจขององค์กรตุลาการมีลักษณะเป็นการตรวจ สอบกันเองภายในเป็นสำคัญ ยิ่งไปกว่านั้นความผิดอาญาในกรณีที่ผู้พิพากษาหรือตุลาการตีความกฎหมายอย่าง บิดเบือนก็ยังไม่มีปรากฏในระบบกฎหมายไทย การแก้ปัญหาเรื่องนี้ในระยะยาวย่อมจะต้องกระทำโดยการปฏิรูปองค์กรตุลาการ ทั้งระบบให้องค์กรตุลาการมีความชอบธรรมทางประชาธิปไตย และทำให้อุดมการณ์ประชาธิปไตยและนิติรัฐเป็นอุดมการณ์ที่จารึกอยู่ในจิตใจ ของผู้พิพากษาและตุลาการทุกคน ประการสำคัญคือต้องทำให้ผู้พิพากษาและตุลาการทุกคนตระหนักว่าอำนาจตุลาการ ที่ตนใช้อยู่นั้น แม้จะกระทำในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ หากแต่ตามรัฐธรรมนูญแล้ว อำนาจดังกล่าวเป็นของประชาชน หาใช่เป็นของบุคคลอื่นใดไม่

            ในชั้นต้นนี้ บุคคลและคณะบุคคลที่ได้ร่วมกันเขียนจดหมายเปิดผนึกฉบับนี้ขึ้น ขอเรียกร้องไปยัง  ผู้พิพากษาและตุลาการดังนี้
            1. ขอให้ผู้พิพากษาและตุลาการตระหนักว่า ท่านเป็นผู้พิพากษาและตุลาการในระบอบประชาธิปไตย ในการใช้และการตีความกฎหมายทั้งปวงนั้น ผู้พิพากษาและตุลาการทุกคนจะต้องใช้และตีความกฎหมายโดยยึดถือเอาอุดมการณ์ แห่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยในรัฐที่เป็นราชอาณาจักรและพระมหากษัตริย์ทรง อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญเป็นที่ตั้ง อีกทั้งจะต้องถือว่าหลักนิติรัฐหรือหลักนิติธรรมเป็นคุณค่าสูงสุดในระบบ กฎหมายด้วย
             2.ขอให้ผู้พิพากษาและตุลาการทบทวนแนวทางการใช้และการตีความกฎหมายที่มีปัญหา ไม่สอดคล้องกับอุดมการณ์แห่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยและคุณค่าของหลักนิติ รัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินกระบวนพิจารณาและการพิพากษาคดีที่เกี่ยวข้องกับ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒
              3.ขอให้ผู้พิพากษาและตุลาการที่ยึดมั่นในอุดมการณ์แห่งการปกครองระบอบ ประชาธิปไตยและเคารพต่อหลักนิติรัฐ ดำเนินการผลักดันให้เกิดการปฏิรูปโครงสร้างขององค์กรตุลาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปฏิรูปที่มา ระบบการตรวจสอบถ่วงดุล ตลอดจนความพร้อมรับผิดต่อการใช้อำนาจของบรรดาผู้พิพากษาและตุลาการ รวมทั้งการปรับเปลี่ยนทัศนะของบรรดาผู้พิพากษาและตุลาการอื่นๆ ให้อุดมการณ์ประชาธิปไตยและนิติรัฐ เป็นอุดมการณ์ที่ดำรงอยู่ในจิตใจของผู้พิพากษาและตุลาการเหล่านั้น
บุคคลและคณะบุคคลที่ได้ร่วมกันเขียนจดหมายเปิดผนึกฉบับนี้ขึ้นขอเรียนว่า เมื่อพิจารณาจากบทบาทขององค์กรตุลาการที่แสดงออกผ่านคำวินิจฉัยและคำพิพากษา ในคดีที่เกี่ยวพันกับความขัดแย้งทางการเมืองในประเด็นต่างๆ ภายหลังการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ เป็นต้นมาแล้ว ย่อมปฏิเสธไม่ได้ว่าองค์กรตุลาการได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาความขัดแย้ง ที่ฝังรากลึกอยู่ในสังคมไทยขณะนี้ สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้องค์กรตุลาการในภาพรวมมิได้ดำรงอยู่ในฐานะ “คนกลาง” ที่ทุกฝ่ายของสังคมยอมรับและนับถือให้คำวินิจฉัยหรือคำพิพากษาเป็นยุติอีก ต่อไป หนทางเดียวที่จะทำให้องค์กรตุลาการกลับมาเป็นหลักแก่สังคม คือการต้องปฏิรูปตนเอง การละเลยนิ่งเฉยไม่ดำเนินการดังที่ได้เรียนมาข้างต้น ย่อมจะส่งผลให้องค์กรตุลาการถูกมองจากสาธารณชนว่าเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนา ประชาธิปไตย และยากที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกปรับเปลี่ยนโดยพลังจากภายนอกได้ในที่สุด
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้พิพากษาและตุลาการจะได้ครุ่นคิดตรึกตรองถึง ประเด็นที่กล่าวมาทั้งหมดในสารที่ส่งมาด้วยความปรารถนาดีฉบับนี้ และร่วมกันผลักดันให้เกิดการปฏิรูปองค์กรตุลาการเพื่อให้องค์กรตุลาการเป็น หลักให้แก่สังคมไทยต่อไป

คณะรณรงค์แก้ไขมาตรา ๑๑๒ (ครก. ๑๑๒)                                    
กลุ่ม ๒๔ มิถุนา ประชาธิปไตย
คณะนักเขียนแสงสำนึก
กวีราษฎร์
ปฏิญญาหน้าศาล                                                                            
คณะนิติราษฎร์

วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2556

ดร. โกร่ง ลอกคราบ อะไรคือมรดกอสูร ใครคือทายาทอสูร !!

ทายาทอสูร มรดกอสูร 

โดย วีรพงษ์ รามางกูร 
มติชน  18 เมษายน 2556
 
www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1366266430&grpid=01&catid=01&subcatid=0100

ส.ว.ลากตั้ง ทำตัวเป็นทายาท คมช.อย่างแจ้งชัดในหลายๆ เรื่อง คมช.ได้สลายตัวไปแล้ว หัวหน้า คมช.ที่ทำการรัฐประหาร 19 กันยา 2549 ก็มาลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว ทำหน้าทำตาเป็นนักประชาธิปไตย พร้อมๆ กับออกมาสารภาพว่ารัฐธรรมนูญปี 2550 มีบทบัญญัติหลายเรื่องไม่เป็นประชาธิปไตยและเสนอแก้รัฐธรรมนูญเสียเอง

ก่อน การรัฐประหาร 19 กันยา 49 เหล่าขบวนการล้มล้างหรือผู้ต่อต้านรัฐบาลทั้งหลายในยุคนั้น ปลุกปั่นปล่อยข่าวเท็จ เป็นระลอกหลายเรื่องติดต่อกันเป็นเวลานาน เริ่มจากเรื่องปฏิญญาฟินแลนด์ ซึ่งศาลก็ตัดสินจำคุกแต่รอลงอาญาคนปล่อยข่าวไปแล้ว ปล่อยข่าวขบวนการล้มเจ้า ซึ่งไก่อู โฆษก คมช.ก็สารภาพไปแล้ว รวมทั้งข่าวฉ้อราษฎร์บังหลวงมากมาย จนบัดนี้ก็ยังไม่เป็นการพิสูจน์อย่างแจ้งชัด ข่าวเรื่องมีผลประโยชน์ในการเจาะน้ำมันและก๊าซในอ่าวไทยกับเขมรป่านนี้ก็ยัง ไม่จริง รวมทั้งสารพัดข่าวเท็จที่ออกมาเพื่อให้เกิดความแตกแยกในหมู่ประชาชน

มี พุทธวจนะบทหนึ่งว่า "นตฺถิ อการิยํ ปาปํ มุสาวาทิสฺส ชนฺตุโน" ความว่า "คนพูดเท็จ จะไม่พึงทำบาป ย่อมไม่มี" หรือแปลเป็นภาษาชาวบ้านว่า "คนโกหกไม่ทำชั่วไม่มี" มุสาวาทาที่ขบวนการทำให้ประชาชนแตกแยกก็กลายเป็นมรดก คมช.มาจนบัดนี้

มรดก คมช.ที่สำคัญที่ยังคงอยู่คือ รัฐธรรมนูญ 2550 ที่มีบทบัญญัติ บอนไซ การพัฒนาประชาธิปไตย และปกป้องมรดก คมช. อยู่หลายเรื่อง

การ ขอแก้ไขรัฐธรรมนูญใน 3 เรื่อง อันได้แก่ ขอให้การยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญต้องร้องผ่านอัยการสูงสุด การยุบพรรคการเมืองและลงโทษกรรมการบริหารที่ไม่ได้ทำผิดทำไม่ได้ ยกเลิก ส.ว.ลากตั้ง เมื่อวุฒิสภาครบวาระแล้ว และการที่รัฐบาลจะไปเจรจาเรื่องต่างๆ กับต่างประเทศต้องขออนุมัติรัฐสภาเสียก่อนทุกเรื่อง ซึ่งประเด็นต่างๆ เหล่านี้เป็นเรื่องธรรมดาๆ ก็น่าจะแก้ไขทั้งนั้น ไม่เห็นมีอะไรจะเสียหายต่อระบอบประชาธิปไตย

ทายาท คมช. 40 ส.ว.ก็ออกมาร้องโพนทะนาอาละวาดทันทีว่า เป็นการล้มล้างระบอบการปกครองประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เหมือนๆ กับการขอตั้ง ส.ส.ร.เพื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แทนฉบับมรดก คมช.ฉบับนี้ ที่ทายาท คมช.ทำเกือบสำเร็จ

มรดก คมช.ทิ้งไว้มีอีกมาก หลักการการจัดตั้งองค์กรอิสระต่างๆ เพื่อช่วยรัฐสภาตรวจสอบรัฐบาลเป็นหลักการที่ดีใช้ได้ แต่การสรรหาบุคลากรเข้าไปดำรงตำแหน่งต่างๆ ต้องดูคุณสมบัติความคิดเห็นเป็นกลาง บริสุทธิ์ยุติธรรมที่จะทำให้ "ประชาชนไว้วางใจ" สถาบันอิสระเหล่านี้จึงจะเป็นสถาบันอันทรงเกียรติ ไม่เป็นทายาท คมช.



แต่ถ้าสรรหาเอาบุคคลที่มีความเป็นมา มีความคิดความเห็นเป็นทายาท คมช. เช่น "ตุลาการภิวัฒน์" ที่พูดจาแสดงความเห็นไม่เคารพต่อวิชาชีพ ไม่เคารพตนเอง เข้าไปเป็นผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ องค์กรอิสระนั้นก็เสียหาย "ไม่เป็นที่ไว้วางใจของประชาชน"

มรดก คมช.เหล่านี้ 40 ส.ว.ทายาท คมช.ออกมาปกป้อง ใช้เหตุผลข้างๆ คูๆ ไร้เหตุผลหลักการ หลักวิชาการ ผิดเพี้ยนจนไม่รู้จะกล่าวอธิบายความจริงอย่างไร

ประชาชนคนไทยควรจะ เรียนรู้จากประสบการณ์เสียทีว่า การทำปฏิวัติรัฐประหารนั้นเป็นสิ่งเลวร้ายที่ทั่วโลกเขาประณาม การแทรกแซงการเมืองโดยกองทัพ โดยทหารควรจะหมดสิ้นไปจากเมืองไทยเสียที ประชาธิปไตยแม้จะไม่ใช่ระบอบการปกครองที่ดีที่สุด แต่ก็เป็นระบอบการปกครองที่เลวน้อยที่สุด ยังเป็นความจริง ระบอบการปกครองโดยทหารหรือครอบงำโดยทหารเป็นระบอบที่เลวที่สุด

เมื่อ มีการทำการรัฐประหาร โดยเฉพาะการรัฐประหาร 19 กันยา 2549 กระทำในยุคที่โลกเขามีการพัฒนาการเมืองกันไปทั่วแล้ว ช่วงที่กำลังดูถูกดูหมิ่นพม่าและยกย่องประเทศไทยว่ามีการพัฒนาการเมืองไปได้ เร็วที่สุดหลังการประกาศใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 พอ คมช.มาทำการรัฐประหาร 19 กันยา 2549 ประเทศไทยก็ถอยไปอยู่แนวหลังของพม่า รัฐบาลประชาธิปัตย์ที่จัดตั้งในกรมทหาร ออง ซาน ซูจี ยังรังเกียจไม่อยากพูดด้วย และไม่ขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาลที่จัดตั้งโดย คมช.หรือกองทัพที่ทำรัฐประหาร

เมื่อเร็วๆ นี้ ก็มีทายาท คมช.ออกมาเรียกร้องให้ยึด ปตท.คืน เพราะใต้แผ่นดินประเทศไทยมีน้ำมันสำรองอยู่มหาศาล ซึ่งเป็นการกล่าวเท็จอย่างตรงไปตรงมา บังเอิญกระแสที่เคยตามการกล่าวเท็จในช่วงก่อนรัฐประหารได้ซาลงจึงไม่มีใคร เชื่อ ก็เลยแล้วกันไป

มรดกของขบวนการประชาธิปไตยนั้นทำลายได้ง่าย เพียงแค่ลากปืนออกมาทำปฏิวัติรัฐประหารก็ไม่มีใครกล้าหือ แม้จะมีคนที่เคยประกาศตนว่า "เชื่อมั่นในระบอบรัฐสภา" แต่เมื่อมีการทำรัฐประหารก็ไม่เคยเห็นหัว หลบหน้าหายตัวไปทุกที

องค์กรมรดก รัฐประหารทำลายได้ยากแม้จะกลับมาเป็นระบอบประชาธิปไตย เพราะขบวนการรัฐประหาร จะสร้างรัฐธรรมนูญ และองคาพยพบรรจุทายาทของตนไว้ทุกครั้ง การจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขมรดกที่ทิ้งไว้จึงทำได้ยาก

คมช.จึงเปรียบเสมือนอสูร ที่ทิ้งมรดกคือรัฐธรรมนูญและตั้ง "ทายาทอสูร" ไว้ทำหน้าที่แทน ต่อต้านและบอนไซขบวนการประชาธิปไตย

อะไรคือมรดกอสูร ใครคือทายาทอสูรเจ้าตัวรู้ดี



วันพุธที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2556

คำบอก คำกล่าว และคำพูดของพรรคประชาธิปัตย์

 คุณ " วษณ " สมาชิกเวปบอร์ดพันทิป ได้เขียนกระทู้เรื่องของพรรคประชาธิปัตย์ ได้ถูกใจเป็นอย่างมาก "แดงเจียงใหม่" เห็นว่าน่าจะนำมาเผยแพร่ จึงขออนุญาตนำมาวางใน Blog นี้  หากอยากติดตามความคิดเห็น สามารถไปอ่านได้ตามลิงค์


คำบอก คำกล่าว และคำพูดของพรรคประชาธิปัตย์

รับรองว่าเป็นความจริงทุกประการ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รับรองเอกสารว่าสถานที่เกิดคือ เมืองนิวเซาท์เวลล์ เป็นความจริงทุกประการ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รับรองเอกสารว่าสถานที่เกิดคือ กรุงเทพฯ เป็นความจริงทุกประการ
 
2   จะฟ้องดำเนินคดีผู้ที่กล่าวหาว่า หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หนีทหาร
คณะกรรมการ ประกอบด้วยนายทหารระดับสูงรวมถึงผู้บัญชาการทหารทุกเหล่าทัพ ประชุมร่วมกัน
มีมติให้ถอดยศ ร้อยตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
จากการใช้เอกสารอันเป็นเท็จ หลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร


 3   นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่รู้เรื่องการเข้าไปในพื้นที่ของประเทศกัมพูชา

นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ สส. พรรคประชาธิปัตย์ บอกแก่ผู้ชุมนุมพันธมิตร เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2556 ว่า
นายกฯ อภิสิทธิ์ (เวชชาชีวะ) ไม่รู้เรื่องการเข้าไปในพื้นที่ของประเทศกัมพูชา
นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ สส. พรรคประชาธิปัตย์ พูดโทรศัพท์ในวีดิโอที่ผู้ร่วมคณะบันทึกไว้ เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2554 ว่า
ไป เดี๋ยวเราเดินไป เราโดนจับแน่ตอนนี้เข้ามาในเขตกัมพูชาแล้ว แต่อย่าบอกใครนะ มีนายกฯ (อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) รู้คนเดียว

อุบายอย่างหนึ่งของผู้ปกครองที่ต้องการครองอำนาจหรือสืบทอดอำนาจต่อไป
แต่ผู้ใต้ปกครองจะเดือดร้อนทุกข์ยากสาหัสไปทุกหย่อมหญ้าที่อุบายนี้แผ่ไปถึง
คืออุบายยั่วยุปลุกปั่นให้วิวาทห้ำหั่น
เมื่อถูกยั่วยุปลุกปั่นให้วิวาทห้ำหั่นก็จะเกิดความย่อยยับ เมื่อเกิดความย่อยยับก็จะคั่งแค้น
เมื่อคั่งแค้นก็จะสนับสนุนผู้ยั่วยุปลุกปั่น เมื่อสนับสนุนผู้ยั่วยุปลุกปั่นก็จะมีอำนาจ
เมื่อผู้ยั่วยุปลุกปั่นยิ่งต้องการมีอำนาจก็จะยิ่งยั่วยุปลุกปั่นให้วิวาทห้ำหั่น
เมื่อถูกยั่วยุปลุกปั่นให้ยิ่งวิวาทห้ำหั่นก็จะยิ่งเกิดความย่อยยับ เมื่อยิ่งเกิดความย่อยยับก็จะยิ่งคั่งแค้น
เมื่อยิ่งคั่งแค้นก็จะยิ่งสนับสนุนผู้ยั่วยุปลุกปั่น เมื่อยิ่งสนับสนุนผู้ยั่วยุปลุกปั่นก็จะยิ่งมีอำนาจ
เมื่อผู้ยั่วยุปลุกปั่นยิ่งต้องการมีอำนาจ

4   เป็นคนหรือเปล่า กระทำกับคนถึงขั้นเสียชีวิตแล้วยังยัดเยียดปรักปรำว่าเขาพกพาอาวุธ
พรรคประชาธิปัตย์กล่าวโทษรัฐบาลสมชาย พรรคพลังประชาชน ว่า
เป็นคนหรือเปล่า กระทำกับคนถึงขั้นเสียชีวิตแล้วยังยัดเยียดปรักปรำว่าเขาพกพาอาวุธ
ในการสลายชุมนุมม็อบแอบอ้างเสื้อเหลือง ที่พรรคประชาธิปัตย์ให้การสนับสนุนม็อบ
จากหลักฐานเท่าที่ปรากฏ คือ สส. พรรคประชาธิปัตย์ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ เข้าร่วมเป็นแกนนำม็อบ
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไปมอบช่อดอกไม้แก่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำคนสำคัญของม็อบ
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไปเยี่ยมผู้ชุมนุมม็อบ
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายกรณ์ จาติกวณิช ไปเยี่ยมผู้ชุมนุมม็อบ
รถยนต์ต่างๆ ติดตราพรรคประชาธิปัตย์ไปจอดบริเวณสถานที่ชุมนุมม็อบ
ซึ่งหลังจากการถูกสลายชุมนุมของม็อบแอบอ้างเสื้อเหลือง มีผู้เสียชีวิตสองราย
รายหนึ่งเสียชีวิตจากแผลฉกรรจ์ในซอกรักแร้ ที่น่าจะเกิดจากการระเบิดของสิ่งที่อยู่ในย่ามที่สะพายมา
อีกรายหนึ่งเสียชีวิตจากการระเบิดของบางสิ่งที่บรรทุกมาในรถยนต์ของตนเองเป็นจำนวนมาก
มีผู้บาดเจ็บอุ้งมือขาดจำนวนมาก ที่น่าจะเกิดจากการระเบิดของสิ่งที่กำอยู่ในมือ

ในการชุมนุมของม็อบเสื้อแดง เรียกร้องรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ที่จัดตั้งหลังรัฐประหาร ให้ยุบสภา เพื่อเลือกตั้ง
รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ที่จัดตั้งหลังรัฐประหาร
สั่งปฏิบัติการที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เรียกว่าขอคืนพื้นที่และกระชับพื้นที่ โดยกองกำลังทหาร
จากตัวเลขบัญชีจำนวนกระสุนที่เบิกไปใช้ หักลบจำนวนที่ส่งคืน ใช้กระสุนไปกว่าแสนนัด
มีคนตาย 99 คน พิการและบาดเจ็บกว่าสองพันคน
รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ประกาศว่า ผู้ชุมนุมเสื้อแดงมีอาวุธปืน
จากภาพที่ถูกบันทึกจำนวนมากจากบุคคลต่างๆ แพร่ในอินเตอร์เน็ต และจากการสอบสวน
ผู้ตายที่เป็นประชาชนพลเรือน ไม่มีใครมีอาวุธปืนสักคนเดียว
ยกเว้นคนหนึ่งมีหนังสติ๊ก อันเป็นอาวุธร้ายแรงยิ่งต่อนกกระจอก

จากการติดตามสอบสวน
ภาพชายสวมหมวกคลุมศรีษะถือหิ้วอาวุธปืนไว้
ที่เผยแพร่ในอินเตอร์เน็ต และในหนังสือชื่อ ความจริงไม่มีสี ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
พบว่าเป็นชายศรีษะล้าน มักใส่หมวกคลุมศรีษะในที่ชุมนุม
มีอาชีพเก็บของเก่าขาย
เข้ามาร่วมชุมนุมคนเสื้อแดง โดยช่วยดูแลอำนวยความสะดวกให้คนเสื้อแดงต่างๆ
รูปถือหิ้วปืน เป็นรูปขณะรวบรวมอาวุธปืนที่ยึดจากทหารไปกองรวบรวมไว้

 


5   ชายชุดดำ
ในการชุมนุมของม็อบเสื้อแดง เรียกร้องรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ที่จัดตั้งหลังรัฐประหาร ให้ยุบสภา เพื่อเลือกตั้ง
รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ที่จัดตั้งหลังรัฐประหาร สั่งปฏิบัติการโดยกองกำลังทหาร
ที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เรียกว่าขอคืนพื้นที่และกระชับพื้นที่
จากตัวเลขบัญชีจำนวนกระสุนที่เบิกไปใช้ หักลบจำนวนที่ส่งคืน ใช้กระสุนไปกว่าแสนนัด
มีคนตาย 99 คน พิการและบาดเจ็บกว่าสองพันคน
รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ประกาศว่า เป็นการกระทำของชายชุดดำ
รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ให้ข่าวหลายครั้งว่าพบเบาะแสกลุ่มชายชุดดำซ่องสุมจะปฎิบัติการในสถานที่ต่างๆ
จนมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า กลุ่มชายชุดดำเหล่านั้นคงนึกว่าแสดงภาพยนตร์กันอยู่
ไปไหนก็แต่งชุดดำทั้งกลุ่มทุกครั้ง แปลกแยกจากคนปกติ เป็นจุดเด่นให้สังเกต ผิดวิสัยผู้ก่ออาชญากรรม
รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ก็เลิกให้ข่าวพบเบาะแสกลุ่มชายชุดดำตั้งแต่บัดนั้น

มีผู้เผยแพร่คลิปวีดิโอที่ถ่ายไว้ทาง Youtube
ในกลุ่มทหาร มีผู้แต่งนอกเครื่องแบบแต่ถืออาวุธปืนร่วมปฏิบัติการกับกลุ่มทหาร
ถึงขนาดมีผู้ปลอมตนสวมเสื้อแดงแต่สพายอาวุธปืน เข้าไปสมทบกลุ่มทหารหลังปฏิบัติภารกิจ
มีทหารบางคนขับมอเตอร์ไซค์เข้าหาพรรคพวกด้วยความเร็วสูง
ถูกทหารที่ซุ่มซ่อนตัวหลังเสาตอม่อโทลเวย์ ยิงศรีษะจนล้มคว่ำเสียชีวิต
อาจด้วยความเข้าใจผิดว่าไม่ใช่ทหารพวกเดียวกันแต่เป็นผู้จะฝ่าแนวต้านทหาร

ระหว่างการชุมนุมของคนเสื้อแดง
เสธ. แดง พลเอกขัตติยะ สวัสดิผล ผู้เข้าร่วมการชุมนุมคนเสื้อแดงด้วย
ได้จัดตั้งหน่วยรักษาความปลอดภัยแต่งกายสวมชุดดำให้กับการชุมนุมของคนเสื้อแดงขึ้น
หน่วยรักษาความปลอดภัยแต่งกายสวมชุดดำ ของเสธ. แดง
ถูกจับมาฝึกวินัยเข้าแถว ซ้ายหันขวาหัน อยู่ที่สนามหลวง
ผู้สัญจรไปมาได้ชมเล่นไปด้วย




6   ความจริงไม่มีสี

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
เขียนหนังสือบอกเล่าเรื่องราวเหตุการณ์การชุมนุมของคนเสื้อแดง
ที่เรียกร้องให้รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ที่ตั้งขึ้นหลังรัฐประหารยุบสภาเพื่อเลือกตั้ง
หลังจากม็อบแอบอ้างเสื้อเหลืองที่สนับสนุนโดยพรรคประชาธิปัตย์ก่อความไม่สงบ
แล้วทหารกระทำรัฐประหาร
ตุลาการรัฐธรมนูญที่ตั้งขึ้นหลังรัฐประหาร สั่งยุบพรรคไทยรักไทย
จากการกล่าวหาของพยานว่า ถูกจ้างไม่ให้ร่วมมือกับพรรคประชาธิปัตย์
ในการอ้างบอยคอตไม่ลงเลือกตั้งเพื่อบีบพรรคไทยรักไทยให้ต้องลงเลือกตั้งพรรคเดียว
ซึ่งพรรคไทยรักไทยต้องได้คะแนนถึงเกณฑ์กำหนด จึงจะเป็น สส. ได้ ตามรัฐธรรมนูญ
ที่ในภายหลัง ผู้เป็นพยาน เผยตนเองใน Youtube ว่า
พรรคประชาธิปัตย์ว่าจ้าง เพื่อให้การเท็จปรักปรำพรรคไทยรักไทย แล้วหักหลัง
องค์กรอิสระที่ตั้งขึ้นหลังรัฐประหารปฏิเสธที่จะรื้อฟื้นคดี ด้วยเหตุผลว่า ไม่อาจย้อนผลยุบพรรคกลับคืน
พรรคพลังประชาชนที่ตั้งขึ้นแทนพรรคไทยรักไทยชนะเลือกตั้งอย่างท่วมท้น
ม็อบแอบอ้างเสื้อเหลืองที่สนับสนุนโดยพรรคประชาธิปัตย์ ก่อการยึดทำเนียบ ปิดสนามบิน
ตุลาการรัฐธรมนูญที่ตั้งขึ้นหลังรัฐประหารสั่งยุบพรรคพลังประชาชน
จากการกล่าวหาของพยานว่าได้รับเงินซื้อเสียง
แล้วพรรคประชาธิปัตย์ก็จัดตั้งรัฐบาลโดยยินยอมให้ตำแหน่งในกระทรวงสำคัญๆ แก่พรรคที่ให้เสียงสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์
โดยหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาเปิดเผยต่อสื่อในภายหลังว่าถูกบีบให้ร่วมสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาลด้วย
หลังจากพรรคที่ร่วมรัฐบาล ถูกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวหาในทำนองว่ามีส่วนในภาพพจน์ของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์

ชื่อหนังสือ ความจริงไม่มีสีของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
มีสโลแกนของหนังสือว่า
ฟังคนพูดโกหกมากพอแล้ว ขอโอกาสผมพูดความจริงบ้าง
ภาพที่แสดงในหนังสือ มีการตัดต่อเอาชายชุดดำมาใส่แทนคนที่อยู่ในภาพ

เกือบ 20 ปีที่เข้ามาทำงานการเมือง
มองย้อนกลับไป ไม่ว่าจะตอนที่เป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล
ไม่มีความจริงไหนที่ผมทำแล้วจะไม่ยอมรับ
เป็นข้อความเริ่มต้นของหนังสือชื่อ ความจริงไม่มีสี ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
เป็นการบอก หรือเป็นการแสดงออกซึ่ง ความจริงแบบพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่ข้อความเริ่มต้นเลยทีเดียว
ใช่หรือไม่ ?

นายอภิสิทธิ์ เขียนถามไว้ในหนังสือว่า รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ ซึ่งมีนายอภิสิทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีในระบบสภา
ต่างจากรัฐบาลนายสมัคร รัฐบาลนายสมชาย หรือแม้กระทั่งรัฐบาลคึกฤทธิ์ อย่างไร ?

รัฐบาลนายอภิสิทธิ์พรรคประชาธิปัตย์
ที่ซึ่งตั้งขึ้นหลังการรัฐประหาร หลังจากพรรคประชาธิปัตย์อ้างบอยคอตไม่ยอมลงเลือกตั้ง
ที่ซึ่งคณะรัฐประหารข่มขู่ให้ลงประชามติรับรัฐธรรมนูญ 2550 ของคณะรัฐประหาร
ไม่เช่นนั้นจะเลือกรัฐธรรมนูญฉบับใดๆ มาแก้ไขตามอำเภอใจ แล้วประกาศใช้
ที่ซึ่งมีการชักจูงให้รับรับรัฐธรรมนูญ 2550 ของคณะรัฐประหาร ไปก่อนแล้วแก้ไขภายหลังได้
แล้วผู้ชักจูงทั้งหลายกระทำเช่นไร เมื่อจะมีการจะแก้ไข ?
ที่ซึ่งองค์กรอิสระที่จัดตั้งขึ้นหลังการรัฐประหาร เป็นผู้จัดการและควบคุมการเลือกตั้ง
ที่ซึ่งองค์กรอิสระที่จัดตั้งขึ้นหลังการรัฐประหาร สั่งยุบพรรคไทยรักไทยที่ชนะเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงจากประชาชนอย่างท่วมท้น
สั่งลงโทษตามกฎหมายที่บัญญัติให้มีผลย้อนหลังไปในอดีตในการกระทำที่ไม่มีความผิดในอดีตให้มีความผิด
อันเป็นข้อห้ามมหันต์ของการบัญญัติกฎหมายทั่วโลก
โดยการลงโทษไม่ให้กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยมีสิทธิ์ทางการเมืองต่างๆ
ที่ซึ่งองค์กรอิสระที่จัดตั้งขึ้นหลังการรัฐประหาร สั่งยุบพรรคพลังประชาชนที่ชนะเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงจากประชาชนอย่างท่วมท้น
แล้วสั่งลงโทษไม่ให้กรรมการบริหารพรรคพลังประชาชนมีสิทธิ์ทางการเมืองต่างๆ ต่อจากกรณีพรรคไทยรักไทย
ที่ซึ่งองค์กรอิสระที่จัดตั้งขึ้นหลังการรัฐประหาร ไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์ในคดีทุจริต 29 ล้านบาท
โดยไม่ตัดสินว่าทำความผิดหรือไม่
แต่เพราะว่านายทะเบียนฯ ส่งเรื่องเกินกำหนดที่ให้นายทะเบียนไม่ชักช้าภายใน 15 วัน
ที่ซึ่งองค์กรอิสระที่จัดตั้งขึ้นหลังการรัฐประหาร ไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์ในคดีทุจริต 258 ล้านบาท
โดยไม่ตัดสินว่าทำความผิดหรือไม่
แต่เพราะว่านายทะเบียนฯ ส่งเรื่องโดยไม่ระบุว่าเป็นนายทะเบียนฯ
ที่ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ยอมให้ตำแหน่งในกระทรวงหลักสำคัญต่างๆ แก่พรรคที่สนับสนุนให้พรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาล
แม้พรรคประชาธิปัตย์จะไม่ได้ทำงานหลักสำคัญต่างๆ ของประเทศ
จะเข้ามาทำอะไร ?
ที่ซึ่งหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาเปิดโปงว่าถูกบีบด้วยอำนาจบางอย่างให้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล
หลังจากที่พรรคประชาธิปัตย์กล่าวในทำนองว่า พรรคร่วมรัฐบาลมีส่วนในภาพพจน์ของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์
รัฐบาลอภิสิทธิ์พรรคประชาธิปัตย์ ต่างจากรัฐบาลนายสมัคร รัฐบาลนายสมชาย หรือแม้กระทั่งรัฐบาลคึกฤทธิ์ อย่างไร ?



7
ประชาชนจะหนึ่งคนหรือแสนคน มาเรียกร้องความต้องการต่อรัฐบาล ไม่ได้ผิดหลักการประชาธิปไตย
ผู้ชุมนุม พธม. (ม็อบแอบอ้างเสื้อเหลือง) ทำถูกทำผิด รัฐบาลไม่มีสิทธิ์ทำผิด รัฐบาลไม่มีสิทธิ์ทำร้ายประชาชน

ประชาชนหลายแสนคน สวมเสื้อแดงเป็นสัญลักษณ์
เรียกร้องความต้องการต่อรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ที่ตั้งรัฐบาลหลังรัฐประหาร
ให้ยุบสภา เพื่อเลือกตั้ง

ตาย 99 ศพ พิการและบาดเจ็บสองพันกว่าคน



8   เราเชื่อมั่นในระบอบรัฐสภา
พรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เราเชื่อมั่นในระบอบรัฐสภา
เมื่อเข้าเป็นรัฐบาลหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535
โดยที่ประชาชนและนักศึกษาที่ไม่เชื่อมั่นในระบอบรัฐสภาที่คณะรัฐประหารยึดมั่นอยู่
ชุมนุมต่อต้านคณะรัฐประหาร
ถูกสังหารอย่างเหี้ยมโหดในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535

กลุ่ม สส. พรรคประชาธิปัตย์ เชื่อมั่นในระบอบรัฐสภา
ฉุดประธานสภาออกจากเก้าอี้ ปาเอกสารใส่ประธานสภา บีบคอ สส. พรรคเพื่อไทย
เพื่อขัดขวางต่อต้าน ไม่ให้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเสนอร่าง พรบ. ปรองดอง เข้าสู่สภา

ซึ่ง ร่าง พรบ. ปรองดองของ นปช. เสนอให้
ไม่เอาโทษแก่มวลชนของผู้ชุมนุมทั้งม็อบแอบอ้างเสื้อเหลืองและคนเสื้อแดง
ไม่ยกเว้นโทษ และให้ดำเนินคดีไปตามกฎหมายแก่แกนนำคนเสื้อแดงและแกนนำม็อบแอบอ้างเสื้อเหลือง
ไม่ยกเว้นโทษ และให้ดำเนินคดีไปตามกฎหมายแก่ทักษิณ ชินวัตร และรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์
ดำเนินคดีทักษิณโดยกระบวนการยุติธรรมปกติ สำหรับคดีต่างๆ ที่ได้ถูกพิพากษาโดยกระบวนการรัฐประหาร
ยกเลิกการตัดสิทธิทางการเมืองของผู้บริหารพรรคในคดียุบพรรค
ทั้งนี้
ความเป็นจริงที่ปรากฏเป็นอยู่ ณ เวลานั้น คือ
ม็อบแอบอ้างเสื้อเหลืองที่ชุมนุม ปิดถนน ยึดทำเนียบ ปิดสนามบิน
มวลชนของผู้ชุมนุมม็อบแอบอ้างเสื้อเหลือง แทบยังไม่มีใครถูกดำเนินคดี
หรือแม้จะถูกดำเนินคดีก็น่าจะทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมดที่รอลงอาญาหรือได้รับโทษสถานเบา
การดำเนินคดีแกนนำม็อบแอบอ้างเสื้อเหลือง เลื่อนแล้วเลื่อนอีกไปเรื่อยๆ ด้วยเหตุผลต่างๆ เกินกว่าสิบครั้งแล้ว
ม็อบคนเสื้อแดงที่ชุมนุมปิดถนน และถูกกล่าวหาอย่างมีเงื่อนงำและพิรุธ ว่าเผาอาคารทั้งในกรุงเทพและศาลากลางต่างจังหวัด
มวลชนของคนเสื้อแดงและแกนนำคนเสื้อแดงทั้งหมดหรือน่าจะทั้งหมดถูกลงโทษจำคุกจนบางคนพ้นโทษออกมาแล้ว

ใช่หรือไม่ ? จริงหรือไม่ ? ถูกต้องหรือไม่ ?




9  ท่านจะเลือกผู้ที่พาลูกหลานไปตายหรือ ?”
พรรคประชาธิปัตย์กล่าวผ่านสื่อ และป้ายประกาศ
ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 ว่า
ท่านจะเลือกผู้ที่พาลูกหลานไปตายหรือ ?”

แล้วใคร ? พรรคไหน ? เป็นพรรคพวก รู้เห็นเป็นใจ ร่วมมือ ยิงให้ตาย
10  เผด็จการรัฐสภา เผด็จการเสียงข้างมาก พวกมากลากไป

พรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า
รัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่ชนะเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงอย่างท่วมท้น
เป็น เผด็จการรัฐสภา เผด็จการเสียงข้างมาก พวกมากลากไป

ที่ถูกต้อง ที่เหมาะสม ควรต้อง
เผด็จการอภิสิทธิ์ชนรัฐประหาร เผด็จการเสียงข้างน้อย พวกน้อยลากไป
หรืออย่างไร ?

ความจริงของคำว่า ไม่ยอมให้เสียงข้างมากลากไปของพรรคประชาธิปัตย์
ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
กล่าวหาการใช้คะแนนเสียงข้างมากของสมาชิกสภาผู้แทนจากการเลือกตั้ง
ในการเสนอ พรบ. ปรองดอง ที่ซึ่งส่วนหนึ่งของ พรบ. นี้
ให้ยกเลิกผลการตัดสินคดีทักษิณจากกระบวนการรัฐประหาร
แล้วให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมที่แท้จริง
ที่ซึ่งในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์แต่งตั้งรอง ผบ.ตร. ซึ่งพัวพันคดีสังหารทูตซาอุฯ
พรรคประชาธิปัตย์ชี้แจงประเทศซาอุดีอาระเบีย ว่า
ได้มีการออก พรฎ. ล้างมลทิน ให้แล้ว
ทำให้ประเทศซาอุฯ ถึงกับออกประกาศกฎหมายห้ามชาวซาอุฯ เดินทางเข้าประเทศไทย

และ
ความจริงของคำว่า ไม่ยอมให้เสียงข้างมากลากไปของพรรคประชาธิปัตย์
ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
กล่าวหาการใช้คะแนนเสียงข้างมากของสมาชิกสภาผู้แทนจากการเลือกตั้ง
ในการเสนอ แก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550
ที่เป็นรัฐธรรมนูญจากคณะรัฐประหาร

ความจริงของคำว่า ไม่ยอมให้เสียงข้างมากลากไปของพรรคประชาธิปัตย์
ดังกล่าวข้างต้น
คือ การที่ ไม่ยอมให้ใช้กฏกติกาลากไปแต่จะ ใช้อำนาจลากไป
ดังตัวอย่างต่อไปนี้
ใช่หรือไม่ ?

(10.1)  อำนาจตุลาการที่ตั้งขึ้นหลังการรัฐประหาร
ละเมิดอำนาจนิติบัญญัติ
โดยการออกคำสั่งต่ออำนาจนิติบัญญัติ
ที่ซึ่งจะพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ของคณะรัฐประหาร
ใช่หรือไม่ ?”

โดยที่ทั้งสามอำนาจ
คือ อำนาจบริหาร อำนาจตุลาการ อำนาจนิติบัญญัติ
ต่างเป็นอำนาจสูงสุดของประเทศ
ไม่มีอำนาจใดสามารถก้าวล่วงใช้อำนาจเหนืออำนาจอื่นได้

ตุลาการรัฐธรรมนูญออกคำสั่งระงับสภาให้ชลอการพิจารณากฏหมายเพื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550

โดยที่อำนาจสูงสุดของประเทศมี 3 อำนาจคือ อำนาจบริหาร อำนาจตุลาการ อำนาจนิติบัญญัติ
การที่อำนาจตุลาการออกคำสั่งต่ออำนาจนิติบัญญัติ
เป็นการที่อำนาจตุลาการละเมิดอำนาจนิติบัญญัติหรือไม่ ?

ที่ซึ่งตุลาการรัฐธรรมนูญคณะนี้
จัดตั้งขึ้นหลังรัฐประหาร
ที่ซึ่งคณะสมาชิกสภาผู้แทนที่เสนอให้พิจารณากฎหมายเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550
มาจากการเลือกตั้งของประชาชนด้วยคะแนนเสียงอย่างท่วมท้น

การจะดำเนินการให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ
โดยรัฐบาลยิ่งลักษณ์พรรคเพื่อไทยตามนโยบายที่หาเสียงเลือกตั้งไว้
เป็นการล้มล้างการปกครองตามมาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญ 2550
ตามที่นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานตุลาการรัฐธรรมนูญที่แต่งตั้งขึ้นหลังรัฐประหาร
ออกมากล่าวว่า จะเป็นการพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน
หรือไม่ ?

ตามมาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญ 2550
ตุลาการรัฐธรรมนูญจะพิจารณาคดีได้
ต่อเมื่อผ่านอัยการสูงสุดพิจารณาก่อนแล้ว หรือไม่ ?
ทำไมตุลาการรัฐธรรมนูญจะพิจารณาคดีโดยไม่ผ่านอัยการสูงสุดพิจารณาก่อน ?

ถ้าตุลาการรัฐธรรมนูญตัดสินว่าเป็นการล้มล้างการปกครอง
จะเอาโทษ สส. และ สว. ที่เสนอร่างกฎหมายเพื่อเลือกตั้ง สสร.
และยุบพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ?

การดำเนินการทั้งหมดจนกระทั่งยุบพรรคเพื่อไทย หากจะเกิดขึ้น
แท้จริงเป็นการรัฐประหารรูปแบบใหม่
โดยใช้ตุลาการที่จัดตั้งโดยคณะรัฐประหาร
หรือไม่ ?

หลังจาก
คนเสื้อแดงประกาศเตรียมพร้อมขั้นสูงสุด
ต่อการดำเนินการของตุลาการรัฐธรรมนูญที่ตั้งขึ้นหลังรัฐประหาร

ในเวลาต่อมาคณะตุลาการรัฐธรรมนูญที่ตั้งขึ้นหลังรัฐประหาร
มีมติว่าการดำเนินการของรัฐบาลยิ่งลักษณ์พรรคเพื่อไทย
ไม่เป็นการล้มล้างการปกครอง
แต่ก็แจ้งคำแนะนำเป็นเงื่อนไขไว้
จนรัฐบาลยิ่งลักษณ์พรรคเพื่อไทยหยุดชะงักพักการดำเนินการไป
 


 (10.2)
สส. พรรคประชาธิปัตย์ ดึงประธานสภาออกจากเก้าอี้
ลากเก้าอี้ประธานสภาออกไปจากห้องประชุมรัฐสภา
ขว้างปาเอกสารใส่ประธานสภา
ขัดขวางไม่ให้ประธานทำหน้าที่ของประธานสภา
ใช้กำลังประทุษร้าย มุ่งทำร้ายประธานสภาขณะปฏิบัติหน้าที่
ในการประชุมสภาพิจารณาการเสนอ พรบ. ปรองดอง
กระทำการอันเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยาม
ต่อเกียรติและศักดิ์ศรีของประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ
ที่เป็นหนึ่งในอำนาจสูงสุดของประเทศ
หรือไม่ ?

(10.3)
ไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์ในคดีฉ้อฉล 29 ล้านบาท และ 258 ล้านบาท
ตุลาการรัฐธรรมนูญที่จัดตั้งหลังรัฐประหาร
ไม่ตัดสินว่าพรรคประชาธิปัตย์ฉ้อฉลหรือไม่ฉ้อฉล
แต่ยกโทษพรรคประชาธิปัตย์
ตัดสินว่านายทะเบียนส่งเรื่องช้าเกิน 15 วัน
ที่กำหนดให้นายทะเบียนต้องส่งเรื่องโดยไม่ชักช้าเกินกว่า 15 วัน
ไม่ลงโทษนายทะเบียน
แต่ยกโทษพรรคประชาธิปัตย์
ตัดสินว่าคนแจ้งเรื่องที่เป็นทั้งนายทะเบียนและประธาน กกต.
ถือว่าเป็นแต่ประธาน กกต. ไม่เป็นนายทะเบียน
เพราะไม่ระบุว่าตนเป็นนายทะเบียน
ไม่ลงโทษนายทะเบียน
แต่ยกโทษพรรคประชาธิปัตย์
มีใครปฏิบัติหน้าที่อย่างมิชอบบ้างหรือไม่ ?

(10.4)
ตั้งรัฐบาลหลังรัฐประหาร 19 กันยายน 2549”
มีการก่อการยึดทำเนียบ ปิดสนามบิน
แล้วมีการก่อรัฐประหาร
แล้วมีการตั้งรัฐบาลหลังรัฐประหาร
โดยที่ประชาชนที่คัดค้านรัฐบาลหลังรัฐประหาร
ถูกสังหาร 99 ศพ พิการและบาดเจ็บสองพันกว่าคน

(10.5)
ตั้งรัฐบาลหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 จากการรัฐประหาร 23 กุมภาพันธ์ 2534”

โดยพรรคการเมืองหนึ่งกล่าวผ่านสื่อ ป้ายประกาศ และการปราศรัย ว่า
เรายึดมั่นในระบอบรัฐสภา ท่านจะเลือกผู้ที่พาลูกหลานไปตายหรือ
ที่ซึ่งประชาชนที่ไม่ยึดมั่นในระบอบรัฐสภา(ที่ถูกคณะรัฐประหารยึดมั่นในอำนาจของรัฐสภา)
ถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม ในเหตุการณ์ 17-20 พฤษภาทมิฬ 2535

(10.6)
มีการอนุญาตให้จอมพลถนอมกลับเข้าประเทศ

นักศึกษาและประชาชนที่คัดค้าน
ไม่ให้จอมพลถนอมกลับเข้าประเทศ
ถูกสังหารแล้วแขวนคอทุบตีศพอย่างทารุณ
ในเหตุการณ์การยึดอำนาจกระทำรัฐประหาร 6 ตุลาคม 2519
แล้วพรรคประชาธิปัตย์ก็กลับเข้าร่วมเป็นรัฐบาลในเวลาต่อมา

รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์คืนทรัพย์สิน
ที่จอมพลถนอมถูกยึดทรัพย์
ท่ามกลางการต่อต้านของประชาชนและนักศึกษาอย่างหนัก


(10.7)
“14 ตุลาคม 2516 วันมหาวิปโยค จากการรัฐประหารตัวเองหลายครั้ง ยึดอำนาจต่อไปเรื่อยๆ

จากเหตุการรัฐประหารตัวเองหลายครั้ง ยึดอำนาจต่อไปเรื่อยๆ จนเกิดการประท้วง
มีผู้เข้าร่วมต่อต้านรัฐบาลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แผ่ขยายออกไป ยิ่งทวีเพิ่มแม้จะถูกปราบปรามอย่างโหดเหี้ยม
จนรัฐบาลไม่อาจอยู่ได้ ต้องออกจากอำนาจไป ในวันที่ 14 ตค 2516

นายสัญญา ธรรมศักดิ์ เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี โดยการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง
ระหว่างวันที่ 15 ต.ค. 2516 – 15 ก.พ. 2518
เพื่อการคลี่คลายปัญหาต่างๆ และร่างรัฐธรรมนูญใหม่ แล้วจัดให้มีการเลือกตั้งขึ้น

พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคกิจสังคม และพรรคประชาธิปัตย์อีกครั้ง เข้าเป็นรัฐบาล รวมประมาณสองปี
ระหว่างวันที่ 15 ก.พ. 2518 – 6 ต.ค. 2519

(10.8)
ตั้งรัฐบาลหลังรัฐประหาร 8 พฤศจิกายน 2490”

สส. ของพรรคประชาธิปัตย์ตะโกนในโรงหนังใส่ความนายปรีดี
แล้วมีการก่อการรัฐประหาร
รัฐบาลจากการเลือกตั้งของประชาชนถูกขับไล่
นายปรีดีต้องหนีออกนอกประเทศ

ใช่หรือไม่ ? ถูกต้องหรือไม่ ? จริงหรือไม่ ?



11    นิติรัฐ

หลังคณะรัฐประหารยึดอำนาจ
คณะรัฐประหารบัญญัติรัฐธรรมนูญตลอดจนกฎหมายอื่นๆ
และแต่งตั้งองค์กรต่างๆ ออกมา
พรรคประชาธิปัตย์ที่เข้าเป็นรัฐบาลหลังรัฐประหาร
กล่าวให้ยึดมั่นในรัฐธรรมนูญ กฎหมายและองค์กรต่างๆ ของคณะรัฐประหาร
ยึดมั่นการเป็นนิติรัฐ

แท้จริงแล้ว
เป็นนิติรัฐ หรือ เป็นนิติรัฐประหาร อย่างใดกันแน่ ?


12  อาลัยคนจากไป อย่าให้ใครมาทำอีก

พรรคประชาธิปัตย์ จัดทำป้าย อาลัยคนจากไป อย่าให้ใครมาทำอีก
ไว้อาลัย แก่ผู้เสียชิวิตในเหตุการณ์ที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์
สั่งปฏิบัติการที่พรรคประชาธิปัตย์เรียกว่า กระชับพื้นที่และขอคืนพื้นที่
จากคนเสื้อแดงที่ชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ที่ตั้งขึ้นหลังการรัฐประหาร
ให้ยุบสภาเพื่อเลือกตั้ง
มีผู้เสียชีวิต 99 ศพ พิการและบาดเจ็บสองพันกว่าคน

เล่หเหลี่ยมสำคัญของบางพรรคการเมืองนั้น คือ
พูด ป่าวประกาศ ป่าวร้อง แพร่กระจาย โหมประโคม ตอกย้ำซ้ำแล้วซ้ำอีก อย่างหนัก
ในความจริงเพียงบางเสี้ยวที่เลือกใช้ ไม่ใช่ความจริงอันครบถ้วน ไม่ใช่ความจริงทั้งหมด
ตีกิน เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่ผู้อื่น
หรือไม่ ?

การล้างสมอง การสะกดจิตหมู่ การสร้างกระแส การโฆษณาชวนให้หลงเชื่อ
เป็นปฏิบัติการจิตวิทยา ที่พิสูจน์ได้ด้วยวิทยาศาสตร์ ว่าได้ผลอย่างร้ายแรง
มีเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์มากมายที่เป็นประจักษ์พยาน คือ
กรณีการล้างสมองของเผด็จการในประเทศต่างๆ ดังเช่น
กรณีของฮิตเลอร์ ที่กล่าวว่า

If you tell the big enough lie
and tell it frequency enough,
It will be believed.

หากท่านโกหกเรื่องใหญ่มากพอ
โกหกบ่อยครั้งเพียงพอ
เรื่องนั้นจะถูกเชื่อ

แต่การกระทำสิ่งใด ล้วนย่อมมี error อยู่บ้างไม่มากก็น้อย
การล้างสมอง จะไม่ได้ผลเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์เสมอ
ดังคำกล่าวของอับราฮัม ลินคอล์น ที่กล่าวว่า

You may fool all of the people some of the time,
You can even fool some of the people all the time,
But you can not fool all of the people all the time.

คุณอาจหลอกลวงคนทุกคนได้ในบางเวลา
คุณอาจหลอกลวงคนบางคนได้ตลอดเวลา
แต่คุณไม่สามารถหลอกลวงคนทุกคนได้ตลอดเวลา

หรือคำกล่าวว่า
อาจโกหกประชาชนได้ครั้งหนึ่ง อาจโกหกได้หลายครั้ง แต่ไม่อาจโกหกได้ตลอดไป

 
13
 สส. ที่ย้ายจากพรรคประชาธิปัตย์ไปเข้าร่วมกับพรรคอื่นนั้นเป็นพวกขายตัว
สส. ที่ย้ายพรรคมาเข้าร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้มีอุดมการณ์

??????.....iii #%$#@$%@@#%!!!


14  รับรัฐธรรมนูญ 2550 (ของคณะรัฐประหาร) ไปก่อน แล้วแก้ไขภายหลังได้
คณะรัฐประหาร 2549 เสนอรัฐธรรมนูญ 2550 ให้ประชาชนลงมติรับ
โดยข่มขู่ว่า ถ้าประชาชนลงมติไม่รับรัฐธรรมนูญ 2550
คณะรัฐประหาร 2549 จะเลือกรัฐธรรมนูญฉบับใดๆ มาแก้ไขแล้วประกาศใช้ตามอำเภอใจ
ทั้งยังชักจูงล่อลวงให้รับรัฐธรรมนูญ 2550 ไปก่อน แล้วแก้ไขภายหลังได้

มีคลิปวีดิโอเผยแพ่รทาง Youtube
นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการรัฐธรรมนูญที่ตั้งขึ้นหลังการรัฐประหาร
กล่าวชักจูงให้รับรัฐธรรมนูญ 2550 ไปก่อน แล้วแก้ไขภายหลังได้
ที่ซึ่งในภายหลังเมื่อมีผู้อ้างถึงคลิปวีดิโอนี้ นายจรัญ ภักดีธนากุล
ต้องถอนตัวออกจากการพิจารณาคดีเอาโทษรัฐบาลยิ่งลักษณ์พรรคเพื่อไทย
ในการดำเนินการจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ของคณะรัฐประหาร
ตามนโยบายที่หาเสียงเลือกตั้งไว้

มีคลิปวีดิโอเผยแพ่รทาง Youtube
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
กล่าวชักจูงให้รับรัฐธรรมนูญ 2550 ไปก่อน แล้วแก้ไขภายหลังได้
ที่ซึ่งต่อมาเมื่อรัฐบาลยิ่งลักษณ์พรรคเพื่อไทยที่ปฏิบัติตามนโยบายที่หาเสียงเลือกตั้งไว้
ว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ของคณะรัฐประหาร
พรรคประชาธิปัตย์ต่อต้านคัดค้านอย่างหนัก
โหวตคะแนนเสียงร่วมกับ สว. ที่มาจากการแต่งตั้ง
คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ของคณะรัฐประหาร
 

15  แพงทั้งแผ่นดิน

เหตุการณ์สินค้าขาดตลาดที่ไม่ได้เกิดขึ้นมาเป็นเวลานานตลอดช่วงที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เป็นรัฐบาล
กลับมาเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อพรรคประชาธิปัตย์กลับมาเป็นรัฐบาลหลังรัฐประหาร
คือ น้ำมันปาล์มขาดตลาด
ที่ซึ่งครอบครัวของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์
เป็นผู้ประกอบการน้ำมันปาล์มรายใหญ่ของประเทศ
รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์หลังรัฐประหาร แก้ปัญหาโดย
อนุมัติให้จำหน่ายในราคาลิตรละ 47 บาท จากราคาเดิมก่อนขาดตลาด 38 บาท
ทั้งเอาภาษีมาจ่ายชดเชยให้ผู้ประกอบการต่างหากอีกลิตรละ 9 บาท
รวมเป็น ผู้ประกอบการน้ำมันปาล์มได้รับเพิ่มลิตรละ 18 บาท
น้ำมันปาล์มที่ขาดตลาด ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน ก็กลับมาเต็มตลาดในทันที    ในวันถัดไป
ผลจากราคาน้ำมันปาล์ม กระทบต่อราคาสินค้าและบริการต่างๆ แผ่ออกไปเป็นวงกว้าง
ราคาอาหารปรุงสำเร็จต่างขึ้นราคาเป็นจานละ 30-40 บาท

พรรคประชาธิปัตย์โหมประโคมอย่างหนัก
ว่าราคาสินค้าในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์
(ที่เพิ่งเข้าบริหารประเทศ ต่อจากรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์หลังรัฐประหาร)
มีราคาแพง
โดยใช้คำว่า แพงทั้งแผ่นดินเป็นแคมเปญประโคมป่าวร้อง
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์เอาจานอาหารปรุงสำเร็จมาโชว์สื่อ พร้อมเขียนป้ายว่าราคา 60 บาท
โดยที่ราคาอาหารปรุงสำเร็จข้างที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ติดป้ายราคา 30-40 บาท
ถูกเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ตมาเปรียบเทียบ

ในเวลาต่อมา โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ประกาศต่อสื่อว่า
ราคาอาหารที่ร้านอาหารของรัฐสภาจานละ 75 บาท
นายพิเชษฐ์ พันธ์วิชาติกุล บุคลากรอาวุโสของพรรคประชาธิปัตย์
บริภาษโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ว่าทำไมไม่แจ้งนายพิเชษฐ์ก่อนประกาศข่าวต่อสื่อ
เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้บริหารร้านอาหารของรัฐสภาเอง

16   ผู้เปิดเผยว่ากล้องวงจรปิดเป็นกล่องเปล่า ทำให้โจรผู้ร้ายรู้ว่าบริเวณนั้นไม่มีกล้อง

ผู้บริหาร กทม. ของพรรคประชาธิปัตย์
ชี้แจงว่าราคากล้องวงจรปิดสูงกว่ากล้องวงจรปิดทั่วไป 20 เท่า
เนื่องจากเป็นกล้องที่มีสเปคสูงคือมีคุณสมบัติในการใช้งานสูงกว่ากล้องทั่วไป

โดยที่หลังจากประกาศว่าติดตั้งครบ 10,000 กล้องแล้ว
มีประชาชนถ่ายรูปมาลงเว็บบอร์ดพันทิป และค้นพบกันต่อๆมาว่า
เป็นกล่องเปล่าติดตั้งตามสถานที่ต่างๆเป็นจำนวนมาก
ไม่มีทั้งกล้องจริงหรือแม้แต่กล้องหุ่นหลอกโจร แต่อย่างใด
งบประมาณที่ใช้เป็นเงิน 2,031,000,000 บาท (สองพันกว่าล้านบาท)
เฉลี่ยราคากล้องละ 203,100 บาท โดยที่ราคากล้องโดยทั่วไปไม่ถึง 10,000 บาท
จากข้อมูลของ Nectec วันที่ 12 ตุลาคม 2553
กล้องวงจรปิดจำนวน 316 กล้อง บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิและดินแดง
ใช้งานเพียง 69 กล้อง

กรณีกล้องวงจรปิดไม่ติดตั้งให้ครบจำนวนที่ประกาศ
แต่มีกล่องเปล่ารวมด้วย ไม่ใช่กล้องหุ่นจำลองที่ควรเป็นส่วนเสริมเพิ่มเติมจากจำนวนที่ประกาศ
ถูกกล่าวหาโดยพรรคประชาธิปัตย์ว่า ผู้เปิดโปงว่ากล้องวงจรปิดเป็นกล่องเปล่า ทำให้โจรผู้ร้ายรู้ว่าไม่มีกล้อง




17  การรับประกันราคาข้าวดีกว่าการรับจำนำข้าว การรับจำนำข้าวจะทำให้เกิดความเสียหายมหาศาล

แต่
การรับประกันราคาข้าวของพรรคประชาธิปัตย์
เฉลี่ยขาดทุนปีละ 56,931 ล้านบาท ในเวลา 2 ปี เป็นเงิน 113,861 ล้านบาท
การรับจำนำข้าวของรัฐบาลพรรคไทยรักไทยหรือพลังประชาชน
เฉลี่ยขาดทุนปีละ 12,646 ล้านบาท ในเวลา 5 ปี เป็นเงิน 63,232 ล้านบาท

กรณีการรับประกันราคาข้าว
การรับประกันราคาข้าวของพรรคประชาธิปัตย์นั้นจ่ายให้ตามจำนวนที่นา
ซึ่งไม่แน่ว่าจะมีการปลูกข้าวหรือไม่ หรือเป็นเจ้าของที่นาให้เช่าไม่ได้เป็นชาวนาหรือไม่
ส่วนชาวนาก็จะยอมให้ถูกกดราคาได้ง่ายเพราะได้รับเงินชดเชย
การที่นายทุนส่งออกข้าวสามารถซื้อข้าวจากชาวนาในราคาถูก แท้จริงคือการได้เงินฟรีๆ
จากการรับประกันราคาข้าวของพรรคประชาธิปัตย์ ใช่หรือไม่ ?
นายทุนส่งออกข้าวเกี่ยวข้องอย่างไรกับพรรคประชาธิปัตย์ หรือไม่ ?

กรณีการรับจำนำข้าว
จากเดิมที่กลไกตลาด
มีชาวนา 3,700,000 ครัวเรือน
มีผู้ค้าส่งออก 176 ราย จึงสามารถกดขี่ราคาได้โดยง่าย
การรับจำนำข้าวของพรรคเพื่อไทย
ทำให้นายทุนส่งออกข้าวต้องซื้อข้าวในราคาสูง
จึงต้องพยายามขายในราคาสูง ซึ่งจะทำให้เงินเข้าประเทศมากขึ้น

ที่ซึ่ง
จากรายได้ของชาวนาที่เป็นส่วนหนึ่งของชนชั้นทางเศรษฐกิจระดับรากหญ้า
การจับจ่ายใช้สอยของชาวนาที่มีรายได้เพิ่มขึ้น จะทำให้ประเทศได้รับภาษีเพิ่มขึ้น
จากภาษีมูลค่าเพิ่มในสินค้าและบริการ และจากภาษีสรรพสามิต
ซึ่งภาษีมูลค่าเพิ่มและสรรพสามิต เป็นภาษีที่มากกว่าภาษีอื่นใดของประเทศ
อีกทั้งการจับจ่ายใช้สอยของชาวนาที่มีรายได้เพิ่มขึ้น
จะหมุนเวียนรายได้ขึ้นไปสู่ชนชั้นทางเศรษฐกิจที่สูงกว่า

18   ประชานิยม

ประชานิยม เป็นคำที่พรรคประชาธิปัตย์ใช้เรียกนโยบายของพรรคไทยรักไทยและผู้สืบทอด
อภิสิทธิ์ชนนิยม เป็นคำที่ขอใช้เรียกนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์และผู้อยู่เบื้องหลัง ได้หรือไม่ ?

พรรคประชาธิปัตย์เคยใช้นโยบาย
ช่วยแต่สถาบันการเงินให้เข้มแข็งก่อน เมื่อสถาบันการเงินเข้มแข็งแล้ว ก็จะปล่อยกู้ให้คนระดับล่างๆ ต่อไปเอง
(ช่วยแต่คนรวยที่สุดให้เข้มแข็งก่อน เมื่อคนรวยที่สุดเข้มแข็งแล้ว ก็จะช่วยคนระดับล่างๆ ต่อไปเอง จริงหรือ ?)
สมาชิกและผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์มีความสัมพันธ์กับสถาบันการเงินอย่างใดหรือไม่ ?

พรรคไทยรักไทยเคยใช้นโยบายช่วยประชากรระดับรากหญ้าทางเศรษฐกิจให้มีกำลังประกอบอาชีพ
โดยที่การเกื้อหนุนให้ประชากรทางเศรษฐกิจระดับรากหญ้ามีกำลังประกอบอาชีพ สามารถจับจ่ายใช้สอย
จะส่งผลต่อๆไปยังประชากรทางเศรษฐกิจที่อยู่ชั้นบนขึ้นไป
ทำนองนี้
ประชากรทางเศรษฐกิจระดับรากหญ้าซื้อของจากร้านค้า
ร้านค้าซื้อของจากเอเย่นต์
เอเย่นต์ซื้อของจากผู้ผลิต
ผู้ผลิตจ้างงานและซื้อวัตถุดิบจากประชากรระดับรากหญ้า

การเกื้อหนุนให้ชนชั้นรากหญ้ามีกำลังประกอบอาชีพ สามารถจับจ่ายใช้สอย
เป็นผลให้ชนชั้นทางเศรษฐกิจที่อยู่สูงขึ้นไปยิ่งมีรายได้มากกว่าเป็นทบเท่าทวี
เพราะว่าเงินที่จับจ่ายใช้สอยโดยจำนวนมากของประชากรระดับรากหญ้า
หมุนเวียนขึ้นไปสู่จำนวนน้อยของประชากรระดับสูงกว่า
ดังเช่น
ประชากรระดับรากหญ้ามี 8 คน
ประชากรระดับร้านค้ามี 4 คน
ประชากรระดับเอเย่นต์มี 2 คน
ประชากรระดับผู้ผลิตมี 1 คน

และด้วยจำนวนประชากรที่มากกว่าอย่างยิ่ง
ชนชั้นรากหญ้าทางเศรษฐกิจเป็นผู้จ่ายภาษีจุนเจือประเทศ มากกว่าที่คนรวยจ่ายอย่างเทียบไม่ติด
ดังเช่น ในปี 2547 เงินที่นำมาพัฒนาประเทศ
เป็นภาษีจากชนชั้นรากหญ้าผ่านระบบภาษีมูลค่าเพิ่มและสรรพสามิต 6 แสนกว่าล้านบาท
ขณะที่เงินจากภาษีคนรวย 3 แสนกว่าล้านบาท

เงินภาษีที่จุนเจือประเทศ
ใช้ในการพัฒนากรุงเทพมหานครมากกว่าจังหวัดอื่นใด
เพียงกระแสไฟฟ้าที่ใช้ในห้างสยามพารากอน
ก็มากกว่ากระแสไฟฟ้าที่ต่างจังหวัดหลายจังหวัดใช้ทั้งจังหวัด

ข้อที่สำคัญยิ่งคือการที่รากหญ้าต้องมีกำลังประกอบอาชีพเองได้อย่างยั่งยืน
ไม่ใช่การได้รับอย่างต้องพึ่งพาไปตลอดทั้งสิ้น


19  ซุกหุ้น
คำว่า ซุกหุ้น
เป็นวาทกรรมที่ประดิษฐ์ขึ้น
เพื่อสร้างความรังเกียจชิงชัง
ต่อการพยายามปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย

การโอนหุ้นไปให้แก่ทายาทและครอบครัวหรือญาติมิตร
เป็นไปตามขอบเขตของกฎหมายที่ห้ามนักการเมืองถือครองหุ้น

โดยที่คนปกติธรรมดาทั่วไปบนโลกนี้
ย่อมต้อง ประกอบอาชีพ ทำธุรกิจ มีทรัพย์สิน มีครอบครัว มีญาติมิตร
อำนาจการเมืองของบุคคลใด
ย่อมต้องมีผล ต่ออาชีพ ต่อธุรกิจ ต่อทรัพย์สิน ต่อครอบครัว ต่อญาติมิตร ของบุคคลนั้น
ยกเว้นแต่ผู้ ไม่ทำอะไรเท่านั้น แต่ก็จะ ไร้ผลงานคุณประโยชน์อันใด

หากจะเชื่อคำกล่าวหา กล่าวโทษ ว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน
คนปกติทุกคนบนโลกนี้ต้องเป็นเหยื่อข้อกล่าวหานี้จนหมดสิ้น ยกเว้น
ต้องเอาผู้ ไม่ทำอะไรเท่านั้น ให้บริหารบ้านเมือง
ซึ่งแท้จริงก็ได้แต่เพียง ไม่ทำอะไรให้ดูขาวสะอาด
เป็น หุ่นเชิดหรือ บังหน้าพรรคพวกเบื้องหลัง

หากจะยินยอมให้โอกาสผู้มีศักยภาพ ได้เข้ามาบริหารบ้านเมือง
สร้างประโยชน์แก่ประเทศชาติ โดยผู้บริหารได้ประโยชน์ด้วย ไม่ก่อโทษใดแก่ประเทศ
จำกัดไม่เกินสองสมัยหรือแปดปี
อาจเป็นกรณีอันน่าพึงปรารถนาให้เข้ามาบริหารบ้านเมืองอย่างที่สุดกว่ากรณีใด
อาจทำให้ผู้มีศักยภาพอยากเข้ามาสร้างประโยชน์แก่ประเทศ
อาจทำให้ผู้มีศักยภาพเสนอตนหรือฟันฝ่าการกีดกัน เข้ามาสร้างประโยชน์แก่ประเทศ
อาจดีกว่าพวกไม่ทำอะไรให้ดูขาวสะอาด
เป็น หุ่นเชิดหรือ บังหน้าพรรคพวกเบื้องหลัง
ที่ได้ประโยชน์จากการกัดกินประเทศ

จะเอาผู้มีผลประโยชน์ทับซ้อน เสริมกันกับประเทศ
ได้ประโยชน์จากการสร้างประโยชน์ให้ประเทศ
หรือจะเอาผู้ ไม่ทำอะไรให้ดูขาวสะอาด บังหน้าพรรคพวกเบื้องหลัง
มีผลประโยชน์ทับซ้อน ขัดกันกับประเทศ ได้ประโยชน์จากการสร้างความเสียหายให้ประเทศ
ถึงเวลาที่จะพ้นจาก ภาวะผีอำประเทศอย่างนี้ หรือยัง ?

พรรคประชาธิปัตย์มีใครบ้าง
ที่ไม่ประกอบอาชีพ ทำธุรกิจ มีทรัพย์สิน มีครอบครัว มีญาติมิตร
และน่าจะน้อยเต็มที ที่คนในพรรคประชาธิปัตย์
ไม่มีหุ้นที่ถือโดยทายาทและครอบครัวหรือญาติมิตรไม่ซุกหุ้น



20
พรรคประชาธิปัตย์เป็นต้นคิด
คิดในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์
พรรคประชาธิปัตย์ทำแล้ว


พรรคการเมืองใดที่มักไม่สามารถทำงานอันใดสำเร็จ
หรืออาจไม่เคยทำงานอันใดโดยปราศจากข้อทุจริตหรือข้อเสียหายร้ายแรงใหญ่โตเลย
ทั้งมักขัดขา ตีรวน ขัดขวาง กลั่นแกล้งก่ออุปสรรคต่อผู้อื่น
แต่มักแอบอ้างว่าเป็นต้นติด คิดในสมัยรัฐบาลพรรคของตน
ทั้งยังมักลวงแอบอ้างเอาผลงานของผู้อื่นมาเป็นผลงานของพรรคตน
ซ้ำยังกล่าวร้ายป้ายสีผู้อื่น กระทั่งถึงกับสามารถกล่าวโทษผู้อื่นแม้ในสิ่งที่ตนเป็นผู้ก่อเป็นผู้กระทำ
เป็นพรรคการเมืองใด ?

(20.1)
นายแพทย์สงวน นิตยารัมภ์พงศ์
เสนอแนวคิดสวัสดิการรักษาฟรีประชาชนต่อรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์
แต่ไม่ได้รับการใส่ใจ
ในเวลาต่อมา พรรคไทยรักไทยเสนอนโยบาย “30 บาท รักษาทุกโรค
พรรคประชาธิปัตย์ ติดป้ายคำว่า จ่าย 30 บาท รักษาไม่หายที่ขั้นบันไดที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์
แล้วเดินเหยียบย่ำขึ้นลง โชว์ให้สื่อถ่ายภาพออกเผยแพร่

(20.2)
ประเทศจีนวางแผนโครงข่ายรถไฟความเร็วสูงของภูมิภาค
เชิญรัฐบาลประเทศต่างๆ เข้าร่วมพิจารณา รวมทั้งรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ของประเทศไทย
ขณะที่รัฐบาลประเทศลาว และประเทศอื่นๆ เริ่มโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงไปแล้ว
รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์กำลังให้มดสำรวจเส้นทางทำรังในพึ้นที่ต่างๆ อยู่
จนกระทั่งรัฐบาลยิ่งลักษณ์พรรคเพื่อไทยเสนอแผนงานรถไฟความเร็วสูง
พรรคประชาธิปัตย์ก็ออกมาโจมตีในสารพัดเรื่องอย่างรุนแรง

(20.3)
สนามบินสุวรรณภูมิผ่านมาหลายรัฐบาล
โดยเฉพาะรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์หลายยุคหลายสมัย
ไม่เคยประสบความสำเร็จ
จนกระทั่งเริ่มโครงการจริงจัง และรุดหน้าอย่างยิ่ง ในสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย
ม็อบแอบอ้างเสื้อเหลืองโดยการสนับสนุนของพรรคประชาธิปัตย์
โจมตีคุณภาพสนามบินสุวรรณภูมิในสารพัดเรื่องอย่างหนัก ออกเผยแพร่สื่อต่างๆ ไปทั่วโลก
เช่น รันเวย์ร้าว
ซึ่งแท้จริงเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ของคณะรัฐประหารที่เข้ายึดอำนาจ
หลังจากการก่อความไม่สงบของม็อบแอบอ้างเสื้อเหลือง ที่สนับสนุนโดยพรรคประชาธิปัตย์
และเข้ายึดครองตำแหน่งบริหารในการท่าอากาศยาน
สั่งให้ยอมปล่อยน้ำท่วมสนามบินหวังเอาใจชาวบ้านบริเวณโดยรอบสนามบิน
จนเป็นเหตุอันสำคัญต่อการชำรุดของสนามบิน
ในภายหลังต่อมา สนามบินสุวรรณภูมิ กลับได้รับการยกย่อง เป็นสนามบินดีเด่นติดอันดับโลก

(20.4)
ปี 2517 เริ่มศึกษาแนวทางระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ในสมัยรัฐบาลสัญญา ธรรมศักดิ์
ปี 2519 เริ่มศึกษาความเป็นไปได้และออกแบบรายละเอียด ที่น่าจะเป็นในช่วงรัฐบาลธานินทร์หรือเกรียงศักดิ์
ปี 2524 จัดทำเอกสารประกวดราคา ในสมัยรัฐบาลพลเอกเปรม
ปี 2525 เปลี่ยนนโยบายเป็นให้เอกชนรับสัมปทาน ในสมัยรัฐบาลพลเอกเปรม
ปี 2529 ให้เอกชนเสนอลงทุนและบริหารกิจการโดยรัฐบาลร่วมลงทุนด้วยไม่เกิน 25% ในสมัยรัฐบาลพลเอกเปรม
ปี 2535 ล้มเลิกโครงการรถไฟลอยฟ้าลาวาลิน ในวันที่ 22 มิถุนายน 2535 ในสมัยรัฐบาลอานันท์ 2
โครงการรถไฟลอยฟ้าลาวาลิน
ภายใต้การร่วมเกี่ยวข้องบริหารประเทศ
ทั้งฝ่ายรัฐบาลพลเรือนและรัฐประหารและฝ่ายค้าน
ที่ราวกับมีผู้คอยกระทำให้ทุกทางออกมีปัญหา ไม่ใช่ทุกปัญหามีทางออก
โครงการรถไฟลอยฟ้าลาวาลินก็ล้มไปในที่สุด
จนพลตรีจำลอง ศรีเมือง ผู้ว่าฯ กทม. ในเวลานั้น
ทนไม่ไหว ประกาศดำเนินโครงการเอง
จนสำเร็จเป็นรถไฟลอยฟ้าบีทีเอส ในที่สุด
รัฐบาลพรรคไทยรักไทยและพลังประชาชนดำเนินโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย
จนแล้วเสร็จทุกอย่างเหลือเพียงเซ็นสัญญาก่อสร้าง
ก่อนจะถูกรัฐประหารและยุบพรรค
รัฐบาลอภิสิทธิ์พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นผู้เซ็นสัญญาก่อสร้าง
มีนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม
รับผิดชอบงานรถไฟฟ้าในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์
นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ถูกยึดทรัพย์จากการที่ไม่สามารถชี้แจงที่มาของทรัพย์สินได้
หลังจากที่มีโจรปล้นกระสอบเงินสดไปเกือบยี่สิบล้านบาท
แล้วโจรแจ้งต่อตำรวจว่ายังมีเงินสดเหลืออีกจำนวนมากหลายเท่า
เก็บเอาไว้อยู่ในบ้านของนายสุพจน์

(20.5)
พรรคประชาธิปัตย์จัดงานแถลงเปิดใช้งานอุโมงค์ยักษ์ระบายน้ำ
และทำป้ายประชาสัมพันธ์อุโมงค์ยักษ์ระบายน้ำไปทั่วกรุงเทพมหานคร
ประชาชนจำนวนมากน่าจะเข้าใจว่าอุโมงค์ยักษ์ระบายน้ำ
ที่พรรคประชาธิปัตย์จัดงานแถลงเปิดใช้และทำป้ายประชาสัมพันธ์นั้น
เป็นผลงานของพรรคประชาธิปัตย์
อุโมงค์ยักษ์ระบายน้ำที่พรรคประชาธิปัตย์จัดงานแถลงเปิดใช้เมื่อประมาณต้นปี 2554 นั้น
แท้จริงแล้วเป็นผลงานที่เริ่มโครงการในสมัยนายสมัคร สุนทรเวช เป็นผู้ว่า กทม.


(20.6)
รัฐบาลอภิสิทธิ์พรรคประชาธิปัตย์จัดงานกล่าวอำลาสถานการณ์เป็นรัฐบาล
กล่าวอ้างตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุด เสมือนกล่าวอ้างต้นไม้ที่ถูกปลูกมาจนโตแล้ว
จากตัวเลขเศรษฐกิจตั้งแต่สมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทยที่เติบโตขึ้นทุกปี
เทียบได้กับต้นไม้ที่ได้รับการดูแลรดน้ำจนเติบโตขึ้นเรื่อยๆ โดยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย
แต่กลับหยุดชะงักด้วยความไม่สงบของบ้านเมือง
จากม็อบแอบอ้างเสื้อเหลืองที่ก่อความไม่สงบ ยึดทำเนียบ ปิดสนามบิน
ที่สนับสนุนโดยพรรคประชาธิปัตย์
และการรัฐประหาร
ทั้งยังเสมือนถูกลิดรอนกิ่งก้านใบดอกผล
จากงบที่ใช้จ่ายโดยคณะรัฐประหาร
และงบปฏิบัติการไทยเข้มแข็งของพรรคประชาธิปัตย์ หลังจากพรรคประชาธิปัตย์เข้าเป็นรัฐบาลหลังรัฐประหาร
ที่สรุปยอดใช้ไปประมาณสี่แสนสองหมื่นล้านบาท
มีผลงานใดบ้างที่ไม่ไร้ประโยชน์หรือมีผู้ใดใช้ประโยชน์ ไม่ล้มเหลว ไม่เกิดข้อเสียหายร้ายแรงใหญ่โต ไม่มีเงื่อนงำทุจริต ?


 (20.7)
รัฐบาลอภิสิทธิ์ พรรคประชาธิปัตย์
กล่าวคำลาสถานะการเป็นรัฐบาล
พร้อมกับกล่าวอ้างตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ
ซึ่งแท้จริงแล้วตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ นั้น เปรียบได้กับต้นไม้ที่ได้รับการดูแลรดน้ำ
จนงอกงามเติบโตขึ้นทุกๆ ปี มาจากรัฐบาลพรรคไทยรักไทยและผู้สืบทอด
การกล่าวอ้างต้นไม้ที่โตแล้วนั้นเป็นผลงาน
ที่ทั้งยังหยุดชะงักการงอกงาม ที่ทั้งยังถูกลิดรอนกิ่งก้านใบดอกผล
ในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์พรรคประชาธิปัตย์
แท้จริงคือการหลอกลวง หรือไม่ ?

คำถามสำหรับรัฐบาลอภิสิทธิ์ พรรคประชาธิปัตย์
ผลงานใดของรัฐบาลอภิสิทธิ์ พรรคประชาธิปัตย์ เท่าที่ทราบ ดังต่อไปนี้
และผลงานอื่นใดที่ไม่ทราบ หากจะมี
ผลงานใดก่อให้บังเกิดเป็นตัวเลขเศรษฐกิจที่กล่าวอ้าง ?

(20.7.1)
เข้ามาเป็นรัฐบาล หลังจาก สส. ของพรรค ร่วมเป็นแกนนำ
ส่งรถติดตราประจำพรรคช่วยกิจกรรมต่างๆ
หัวหน้าพรรคไปให้ช่อดอกไม้
บุคคลสำคัญในพรรคไปเยี่ยม
สนับสนุนม็อบแอบอ้างเสื้อเหลือง ทำการปิดถนน ยึดทำเนียบ ปิดสนามบิน
จนกระทั่งเกิดการก่อรัฐประหาร
และหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาเผยแก่สื่อว่าถูกบังคับให้สนับสนุนเป็นรัฐบาล

(20.7.2)
แจกปลากระป๋องเน่า ข้าวสารขึ้นรา แก่ผู้ประสบเหตุน้ำท่วม
และนมบูด แก่เด็กนักเรียน

(20.7.3)
แจกตู้กรองน้ำ ครุภัณฑ์ เวชภัณฑ์ ที่ผู้รับไม่ได้ร้องขอและไม่ต้องการ
ที่ราคาแพงมาก โดยใช้งบประมาณของประเทศ

(20.7.4)
ทำเรื่องกู้เงินทันทีในช่วงเริ่มต้นเป็นรัฐบาลรวม 1.2 ล้านล้านบาท
และทำเรื่องใช้เงินกู้อย่างต่อเนื่องจนไม่ทราบชัดว่าเป็นจำนวนเท่าใด

(20.7.5)
ตั้งคณะกรรมการศึกษาและเสนอแนะต่างๆ
โดยจ่ายค่าตอบแทนคณะกรรมการเป็นจำนวนมากด้วยงบประมาณของประเทศ
ซึ่งค่าตอบแทนนี้ไม่ใช่ค่าปิดปากหรือค่าให้ช่วยสนับสนุนรัฐบาล
แต่รัฐบาลยังไม่ได้นำข้อศึกษาและข้อเสนอแนะมาใช้

(20.7.6)
ใช้งบประชาสัมพันธ์ผ่านบางสื่อเป็นจำนวนมหาศาล

(20.7.7)
ปิดสื่อต่างๆเป็นจำนวนมาก ถึงกับเป็นจำนวนอันดับต้นๆของโลก ใช่หรือไม่ ?

(20.7.8)
องค์กรฟรีดอมเฮาส์ลดอันดับชั้นเสรีภาพสื่อประเทศไทย
เป็น ไม่เสรี ระดับระนาบเดียวกันกับประเทศพม่า

(20.7.9)
โฆษณาผลงานของผู้อื่น แต่ใส่รูปหรือชื่อของอีกพรรคการเมืองหนึ่ง

เช่น Airport Link และอุโมงค์ยักษ์ระบายน้ำ
ใช่หรือไม่ ?

อุโมงค์ยักษ์ระบายน้ำป้องกันน้ำท่วม กทม. ที่เปิดใช้ในต้นปี 2554
เริ่มโครงการในสมัยนายสมัคร สุนทรเวช เป็นผู้ว่าฯ กทม. และเริ่มสร้างในปลายสมัย
ส่วนหนึ่งของการที่คลองแสนแสบสะอาดขึ้นก็เป็นผลมาจากอุโมงค์ระบายน้ำ
ขอบันทึกไว้เป็นเกียรติให้แก่ผู้ล่วงลับ

(20.7.10)
แจกเงินฟรีคนละ 2,000 บาท แก่ผู้มีรายได้ประจำ ที่ไม่มีความเดือดร้อน

(20.7.11)
ธนาคารบางแห่งได้ค่าธรรมเนียมการออกเช็คที่ใช้ในการแจกเงิน

(20.7.12)
อนุมัติงบประมาณเกินกว่าที่ทหารขอมาเป็นจำนวนมาก

(20.7.13)
สื่อต่างๆ ออกข่าวถึงการสูญหายของปืน กระสุน และระเบิด
ในคลังแสงของทหาร หลายครั้งหลายหน

(20.7.14)
สื่อเสนอข่าวว่ารัฐบาลจะซื้อดาวเทียม ราคาหุ้นบางตัวในตลาดหุ้นถีบตัวขึ้น
แล้วมีข่าวว่าไม่ซื้อ ราคาหุ้นรูดกราวลง

(20.7.15)
สื่อเสนอข่าวว่ารัฐบาลจะให้สัมปทานหวยออนไลน์ แล้วมีข่าวยกเลิก
ราคาหุ้นในตลาดบางตัวถีบตัวขึ้นแล้วรูดกราวลง

(20.7.16)
รัฐมนตรีคลังเดินทางไปต่างประเทศ
เพื่อพิจารณาหาข้อมูลการจะซื้อดาวเทียมไทยคมคืน

(20.7.17)
กลุ่มธุรกิจหวยออนไลน์มีสัมพันธ์เป็นเครือญาติบางคนในรัฐบาลหรือไม่ ?

(20.7.18)
รัฐมนตรีคลังแต่งตั้งมาจากผู้ที่เคยเป็นผู้บริหารบริษัทนายหน้าค้าหุ้น
ที่น่าจะเข้าใจวิธีการหลอกลวงของกลุ่มผู้ทุจริตปั่นหุ้นเป็นอย่างดี
เช่น วิธีการสร้างสตอรี่

(20.7. 19)
ปรากฎเป็นข่าวในหนังสือพิมพ์ว่า
สส. ของพรรครัฐบาลบางคนถูกจับกุมฐานลักทรัพย์ร้านค้าในต่างประเทศ
ครอบครัวของ สส. ของพรรครัฐบาลบางคนฉ้อโกงทรัพย์สิน
ครอบครัวของ สส. ของพรรครัฐบาลบางคนค้ายาเสพติด

(20.7.20)
ยึดเงินทักษิณเป็นจำนวน 4.6 หมื่นล้านบาท ที่ทักษิณได้จากการขายหุ้น
โดยถือว่าเป็นหุ้นของทักษิณทั้งหมด แต่…(ดูข้อ 20.7.21)

(20.7.21)
ลูกทักษิณจะถูกปรับเงินเป็นค่าภาษี
โดยถือว่าหุ้นจำนวนส่วนนั้นไม่เป็นหุ้นของทักษิณ แต่เป็นของลูกทักษิณ
(แต่ยึดเงินทักษิณ โดยถือว่าหุ้นจำนวนส่วนนั้นเป็นของทักษิณ)

(20.7.22)
เคยสนับสนุนม็อบแอบอ้างเสื้อเหลืองด้านต่างๆ ก่อนเข้ามาเป็นรัฐบาล
เป็นม็อบที่กล่าวโทษทักษิณว่าขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์
ไม่เสียภาษีแม้แต่บาทเดียว
เกือบทุกประเทศบนโลกนี้ ถ้าซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์
จะได้รับการยกเว้น ไม่ต้องเสียภาษี)
แต่ทักษิณจ่ายภาษีจากการทำธุรกิจรวมค่าสัมปทานต่างๆมาแล้ว
น่าจะเกือบสองแสนล้านบาท

(20.7.23)
ไม่ถูกยุบพรรคในคดีข้อหาทุจริตเงิน 29 ล้าน และ 258 ล้าน
จากการวินิจฉัยว่าเป็นความเห็นของนายทะเบียน
แต่เสนอความเห็นเกินกำหนด 15 วัน จึงตัดสินไม่ยุบพรรค
(กำหนดภายใน 15 วัน เพื่อสำหรับให้นายทะเบียนเสนอความเห็นโดยไม่ชักช้า
หรือเป็นอายุความที่สั้นที่สุดในโลก ?)
และจากการวินิจฉัยว่า คนเดียวกันที่เป็นทั้งนายทะเบียนเป็นทั้งประธาน กกต.
แต่ถือว่าไม่ได้เสนอเป็นความเห็นของนายทะเบียน
เสนอเป็นความเห็นของประธาน กกต. เท่านั้น
จึงตัดสินไม่ยุบพรรค

(20.7.24)
ตามล่าเอาโทษผู้เผยแพร่
คลิปเหตุการณ์ร่วมกระทำการบางอย่างเกี่ยวกับกรณียุบพรรค
ของทีมกฎหมายพรรคการเมืองหนึ่งกับคนในองค์กรแห่งหนึ่ง

(20.7.25)
พิพาทกับประเทศกัมพูชา
อภิสิทธิ์อ้างว่าพื้นที่ใต้ปราสาทเขาพระวิหารเป็นของไทย

(20.7.26)
สส. ของพรรครัฐบาลคุยโทรศัพท์บอกว่ามีนายกฯ รู้อยู่คนเดียว
โดยนายวีระที่เดินไปให้เขมรจับ พูดในคลิปที่ถ่ายไว้ว่า
เดี๋ยวเราเดินไป เราโดนจับแน่

(20.7.27)
ประชาชนบางส่วนยิ่งโกรธแค้นเขมร ยิ่งสนับสนุนผู้พิพาทกับเขมร

(20.7.28)
ทหารและชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียงบริเวณพิพาทกับกัมพูชา
เสียชีวิตจากเหตุสู้รบ จากกรณีพิพาทกับกัมพูชา
ชาวบ้านต้องอพยพจากแหล่งที่อยู่

(20.7.29)
เครื่องบินเอฟ 16 ขึ้นบินทำการในระหว่างเกิดการพิพาทกับกัมพูชา
ประสบเหตุขัดข้องตกไปหนึ่งลำ

(20.7.30)
เครื่องบินเอฟ 16 ขึ้นบินทำการในระหว่างเกิดการพิพาทกับกัมพูชา
ประสบเหตุบินชนกันเองตกเพิ่มไปอีกสองลำ
หลังจากที่ตกไปแล้วก่อนหน้าสี่เดือนที่แล้ว

(20.7.31)
รวมทั้งหมด เครื่องบินเอฟ 16 ตกไปสามลำ ในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี
 (20.7.32)
คนคลั่งยาบ้าทำร้ายผู้อื่นและตนเอง ปรากฎเป็นข่าวเป็นระยะๆ
หลังจากเงียบหายสนิทไปช่วงหนึ่ง

(20.7.33)
ระบบสื่อสารของประเทศรั้งท้ายในภูมิภาค
ตามหลังประเทศลาวที่ใช้ 3G ก่อนนานแล้ว

(20.7.34)
ตำหนิสื่อในกรณีที่สื่อเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมอย่างรวดเร็ว
โดยรัฐบาลได้รีบเข้าดำเนินการในอีกหลายวันต่อมา

(20.7.35)
จัดงานเลี้ยงอาหารโต๊ะจีนราคาโต๊ะละสองล้านบาท
และรับบริจาคเงินจากกลุ่มธุรกิจต่างๆ
ได้เงินเกินกว่าเป้า ที่ตั้งเป้าไว้เพียง 600 ล้านบาท

(20.7.36)
ปฎิบัติการกระชับพื้นที่และขอคืนพื้นที่
ในเหตุประชาชนเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภาเพื่อการเลือกตั้ง
มีผู้เสียชีวิต 99 คน พิการและบาดเจ็บสองพันกว่าคน

(20.7.37)
ให้ทหารเข้ายึดคุมพื้นที่บริเวณราชประสงค์อย่างแน่นหนาและทั่วทั้งกรุงเทพมหานคร
แล้วเกิดเหตุอาคารเซ็นทรัลเวิลด์ถูกเผาจนวอด
โครงสร้างอาคารเป็นคอนกรีตและมีระบบป้องกันเพลิงทันสมัย
การจะเผาอาคารอย่างนี้ให้เสียหายขนาดนั้น
เป็นการดำเนินการที่ต้องใช้เวลาและไม่ง่าย
ทำไมจับคนเผาไม่ได้สักคนเดียว ?

(20.7.38)
ตั้งคณะกรรมการสอบสวนกรณีเหตุการณ์สลายชุมนุม
โดยจ่ายค่าตอบแทนคณะกรรมการเป็นจำนวนมากด้วยงบประมาณของประเทศ
ซึ่งค่าตอบแทนนี้ไม่ใช่หวังให้เป็นค่าปิดปากหรือค่าให้ช่วยสนับสนุนรัฐบาล
แต่คณะกรรมการไม่ค่อยสะดวกในการแสวงข้อเท็จจริง
อาจเนื่องจากไม่ค่อยได้รับความร่วมมือในข้อมูล

(20.7.39)
ประชาชนได้รู้ว่านายกรัฐมนตรี ถือสองสัญชาติ

(20.7.40)
น้ำมันปาล์มที่ลอยลำอยู่กลางทะเล จนน้ำมันปาล์มขาดตลาด
ให้เอาส่งกลับมาขายในประเทศในราคาสูง แทนส่งขายต่างประเทศ

(20.7.41)
ควรเอาน้ำมันปาล์มที่ราคาถูกกว่าไปผสมน้ำมันดีเซลที่ราคาแพงกว่า
เพื่อได้น้ำมันผสมราคาถูก
แต่เอาน้ำมันปาล์มที่ราคาแพงกว่าไปผสมน้ำมันดีเซลที่ราคาถูกกว่า
เป็นสิ่งไม่ควรทำ ใช่หรือไม่ ?

(20.7.42)
จ่ายชดเชยราคาน้ำมันปาล์มให้ผู้ประกอบธุรกิจน้ำมันปาล์ม

(20.7.43)
ครอบครัวของคนในรัฐบาลบางคนประกอบธุรกิจน้ำมันปาล์มหรือไม่ ?

(20.7.44)
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐตั้งคำถามว่ามีความจำเป็นอะไรที่ผู้ใกล้ชิดของอภิสิทธิ์
เข้าไปวุ่นวายกับอัยการในการดำเนินคดีบริษัทบุหรี่ต่างประเทศเลี่ยงภาษี
จนอัยการสั่งไม่ฟ้องคดี
ทำไมไม่ให้อัยการดำเนินการไปตามหน้าที่ตามปกติไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยว
เป็นไปได้อย่างไร บุหรี่ยี่ห้อเดียวกัน ผลิตจากบริษัทเดียวกัน
รายหนึ่งแจ้งราคานำเข้าประเทศไทยซองละ 7.80 บาท
อีกรายแจ้งราคานำเข้าประเทศไทยซองละ 27.46 บาท
แจ้งราคานำเข้าประเทศไทย 7.80 บาท
นำเข้ามาเลเซีย 19.95 บาท
นำเข้าสิงคโปร์ซองละ 20 บาท
บริษัทนี้เคยถูกดำเนินคดีแจ้งราคาเป็นเท็จ
มีผลให้ภาษีที่คิดจากราคาต้นทุนนำเข้าน้อยกว่าที่ควร
ต้องจ่ายค่าปรับไปแล้วถึง 700 ล้านบาท ใช่ไหม ?

(20.7.45)
จ้างบริษัทต่างชาติคิดนโยบาย 8 ข้อมาเสนอเป็นของขวัญที่จะใช้บริหารประเทศ
ด้วยค่าจ้าง 69 ล้านบาท
เป็นนโยบายที่ลอกมาทั้งหมด

(20.7.46)
คิดนโยบายข้อที่ 9 ชั่งไข่ขายแทนการคัดขนาด ได้ด้วยตนเอง
ไม่ต้องจ้างใครคิด แม้ไม่มีใครทำตาม

(20.7.47)
ใครให้ผู้เขียนคอลัมน์นิตยสารต่างประเทศยกย่องใครเป็นรัฐมนตรีคลังโลก
ใครให้ผู้เขียนคนเดิมเขียนแสดงความเห็นเสนอใครเป็นผู้อำนวยการ IMF
ใครเอามาโฆษณาทางอินเตอร์เน็ตต่างๆ ?

(20.7.48)
องค์กรธุรกิจเอกชนอย่างหอการค้าของจังหวัดและของประเทศ
ออกมาร้องเรียนต่อสาธารณะ ถึงการขูดรีดใต้โต๊ะที่หนักข้อขึ้นทุกที
ถึงขั้นห้าสิบเปอร์เซ็นต์ไปทุกวงการ

(20.7.49)
อนุมัติกว่าสองร้อยโครงการเป็นงบประมาณกว่าแสนล้านบาท
ภายใน 15 ชั่วโมง ในวันสุดท้ายก่อนยุบสภา

(20.7.50)
เฮลิคอปเตอร์ขึ้นบินปฎิบัติงาน ประสบเหตุตกติดต่อกันหลายครั้ง

(20.7.51)
รวมทั้งหมด เฮลิคอปเตอร์ตกไปสามลำ ในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน

(20.7.52)
เยอรมันนียึดเครื่องบินของประเทศไทย

(20.7.53)
ประชาชนบางส่วนไม่ค่อยทราบว่ารัฐมนตรีต่างประเทศทำงานอะไรบ้าง
นอกจากพิพาทกับกัมพูชา และตามหาทักษิณ
ยิ่งไม่ค่อยทราบว่ามีความสำเร็จอย่างสร้างสรรประโยชน์ อันใดบ้าง

(20.7.54)
ชนะการเลือกตั้งในเขตกรุงเทพมหานคร ในวันที่ 3 กรกฎาคม 2554
โดยที่โพลก่อนเลือกตั้ง รวมทั้งโพลหลังปิดหีบทันที (Exit Poll)
สำรวจโดย 6 สถาบันของประเทศ กับผลที่ปรากฏ
แตกต่างกันราวกับหน้ามือเป็นหลังเท้า
คือ จากที่ ปชป. พ่ายแพ้เลือกตั้งอย่างหนักใน กทม. ประมาณ 5 ต่อ 28 สส.
กลายเป็น ปชป. ชนะเลือกตั้งอย่างมากมายใน กทม. เท่ากับ 23 ต่อ 10 สส.
ซึ่งการทำโพลเป็นกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ด้านสถิติ
ที่เมื่อทำตามหลักวิชาการอย่างรัดกุม จะมีความแม่นยำค่อนข้างมาก

(20.7.55)
มีความคิดเห็นของประชาชนผ่านสื่อต่างๆแสดงความกังวลว่า
อาจมีการพยายามทุจริตเลือกตั้งอย่างมากโดยบางพรรคการเมือง

(20.7.56)
เอาชนะพรรคเพื่อไทยได้ในจังหวัดที่ติดกับตะเข็บชายแดนไทยพม่า
แม้พรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งอย่างขาดลอยในภาคเหนือและอีสาน

(20.7.57)
พื้นที่บริเวณตะเข็บชายแดนของพม่าเป็นแหล่งผลิตและค้ายาเสพติด
ที่ก่อปัญหายาเสพติดให้ประเทศไทย

(20.7.58)
ชนะการเลือกตั้งในบางเขตของจังหวัดยะลา
โดยนับคะแนนสองครั้ง ผลลัพธ์ได้ไม่เท่ากัน
ถ้านับอีก ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ?

(20.7.59)
มีความพยายามของคนบางกลุ่มและบางพรรคการเมือง
จะตัดสิทธิ์การเป็น สส. ของคุณยิ่งลักษณ์ และจะยุบพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง
(หลังจากที่เคยมีการยุบพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชน)
ด้วยข้อหา หาเสียงว่า ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ
จากผลของการตัดสินคดี ทักษิณต้องโทษห้ามยุ่งเกี่ยวการเมือง
การกระทำใดๆของทักษิณเป็นการยุ่งเกี่ยวหรือไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง
ผิดหรือไม่ผิด เป็นเรื่องของทักษิณ
ไม่ได้เป็นความผิดหรือไม่ผิดของคุณยิ่งลักษณ์
หากทักษิณคิด เพื่อไทยทำ
แล้วตัดสิทธิการเป็น สส. ของพรรคเพื่อไทย
ของคุณยิ่งลักษณ์และคนอื่นๆ
แล้วที่ทักษิณคิด ประชาธิปัตย์เอามาทำ
จะตัดสิทธิการเป็น สส. ของพรรคประชาธิปัตย์ ด้วยไหม ?
คดีของทักษิณที่ถูกตัดสิน ในอนาคตข้างหน้า คงจะมีการสะสาง
ไม่ว่าจะเป็นเวลาอีกเท่าไรก็ตาม
เพราะเป็นการถูกตัดสินด้วยการยึดอำนาจทำรัฐประหาร
อีกทั้งผู้เป็นปรปักษ์ของทักษิณ ยังเป็นผู้เข้ามาดำเนินกระบวนการของคดี


21   ตำรวจสากลออกหมายจับตามล่าทักษิณ

หลังจากพรรคประชาธิปัตย์พ้นไปจากสถานะรัฐบาลที่ตั้งขึ้นหลังการรัฐประหาร
ก็ปรากฏความจริงที่ซึ่ง องค์การตำรวจสากลได้ชี้แจงว่า
องค์การตำรวจสากลไม่เคยออกหมายจับหรือตามล่าทักษิณแต่อย่างใดทั้งสิ้น

ในทางตรงกันข้าม
ทั่วโลกกลับต้อนรับและให้เกียรติอย่างสูงยิ่งต่อทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย
สถาบันการศึกษาของประเทศญี่ปุ่น
เชิญไปปาฐกถา
องค์กรธุรกิจของฮ่องกง Asia Society Hongkong Center
เชิญเป็นแขกเกียรติยศพูดบรรยายพิเศษวาระส่งท้ายปี 2012
รัฐบาลประเทศสาธารณรัฐอาหรับอีมิเรตส์
โดยรัฐมนตรีต่างประเทศ มอบรางวัล ABLF Statesman ปี 2012
นิตยสาร Financial World ประเทศสหรัฐอเมริกา
มอบรางวัล International Forgiveness Award 2004
ซึ่งมอบให้แก่บุคคลที่มีความพยายามมุ่งไปสู่สันติภาพ และสร้างความเป็นเอกภาพ
ซึ่งบุคคลที่ได้รับรางวัลนี้ ได้แก่ สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2 พระคาร์ดินัล Vinko Puljic
และนาย Sergio Vieira De Mello ผู้แทนพิเศษของเลขาธิการสหประชาชาติ

ในทางกลับกัน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
ไปให้ปากคำต่อสื่อญี่ปุ่น กรณีนักข่าวญี่ปุ่นถูกสังหาร



22   "มีผลประโยชน์ซ่อนเร้นในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล

(คำแปลอย่างไม่เป็นทางการ คำต่อคำ)

ราชอาณาจักรกัมพูชา
ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
สำนักคณะรัฐมนตรี
กองการข่าว และปฏิกิริยาฉับพลัน

ที่ 001/13 สถก. ปบห.

แถลงการณ์
กองการข่าว และปฏิกิริยาฉับพลัน

เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2556 นี้ ในพิธีมอบเอกสารสิทธิที่ดินให้แก่ประชาชนที่ อ.โอฤเส็ย อ.เซียมโบก จ.สตรึงแตรง สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้กล่าวชี้แจงเกี่ยวกับพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเล (OCA) กัมพูชา-ไทย ทั้งนี้ เพื่อปกป้องเกียรติยศของประเทศชาติ และชี้แจงนโยบายต่างประเทศของกัมพูชาที่มีต่อประเทศเพื่อนบ้าน

สมเด็จฮุนเซน ได้กล่าวย้อนหลังเกี่ยวกับการกระทำต่างๆ ของอดีตนายกรัฐมนตรีของไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้นำพรรคฝ่ายค้าน ว่า ตลอดมาอดีตนายกรัฐมนตรีผู้นี้ได้เชื่อมโยงกัมพูชากับปัญหาการเมืองภายใน ไทยอย่างไม่หยุดยั้ง

และพรรคประชาธิปัตย์กับกลุ่มคนสุดโต่ง (เกินเหตุ) เสื้อเหลืองของไทย มักกล่าวหาและโยนความผิดอื่นๆ ให้แก่อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนซ่อนเร้นกับกัมพูชา ในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล

แต่ในความจริงกลับเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ ที่ได้ใช้นโยบายสกปรก โดยสั่งการให้อดีตรองนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และอดีตรมว.กลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มาเจรจาลับๆ กับสมเด็จฮุนเซน เกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 2552 ที่ จ.กันดาล ประเทศกัมพูชา ขณะที่รัฐบาลไทยชุดที่แล้วได้เจรจากันในปัญหานี้อย่างเปิดเผย

เกี่ยวกับปัญหาที่มีความสำคัญเช่นนี้ กองการข่าว และปฏิกิริยาฉับพลัน มีหน้าที่ ความจำเป็นในการเผยแพร่แถลงการณ์ของการปิโตรเลียมแห่งชาติ กัมพูชา ที่ได้เคยเผยแพร่เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 2554 อีกครั้ง

ทั้งนี้ เพื่อให้สาธารณชนทั้งในประเทศและต่างชาติได้รับทราบอุบายอันเลวร้าย และนโยบายสกปรกอย่างที่สุดของอดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ซึ่งปัจจุบันเป็นหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน นายอภิสิทธิ์ ในการโฆษณาหลอกลวงประชาชนชาวไทยและชาวกัมพูชา รวมทั้งสาธารณชนต่างชาติ เกี่ยวกับการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลกัมพูชา-ไทย และพื้นที่ปราสาทพระวิหาร ที่มีเนื้อหาดังนี้

การปิโตรเลียมแห่งชาติกัมพูชา ภายใต้คำสั่งและการกำกับดูแลของรัฐบาลกัมพูชา มุ่งมั่นและตั้งใจอย่างยิ่งในการหาทางออก ด้วยความเสมอภาค และโปร่งใส ในปัญหาพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเล

รัฐบาลกัมพูชาและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจเมื่อ เดือนมิ.ย. 2544 เกี่ยวกับพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเล ซึ่งบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ได้กำหนดพื้นที่ที่ต้องกำหนดการแบ่งเขตทางทะเล (Area to be Delimited) และพื้นที่ที่ต้องพัฒนาร่วมกัน (Joint Development Area)

บันทึกความเข้าใจปี 2544 ไม่ใช่เป็นเพียงกระดาษความตกลงเท่านั้น แต่ทั้งสองประเทศได้ใช้งบประมาณและเอาใจใส่อย่างมากในการปฏิบัติตามบันทึก ความเข้าใจฉบับนี้ โดยได้ตั้งคณะกรรมาธิการร่วมด้านเทคนิค (JTC) คณะอนุกรรมการร่วมด้านเทคนิค และคณะทำงานอีก 2 คณะ เกี่ยวกับการกำหนดเขตทางทะเลและพื้นที่พัฒนาร่วมกัน

การอธิบายดังกล่าวยังไม่รวมถึงการวิจัยเชิงวิชาการและกฎหมายเกี่ยวกับการเรียกร้องพื้นที่ทับซ้อนในทะเลระหว่างสองประเทศ

การหารือและการเจรจาระหว่างสองประเทศได้รับผลลัพธ์ที่ดีหลายประการในระหว่าง ปี 2554-2550 และทั้งสองประเทศได้มีข้อเสนอ 2 ข้อสำหรับพื้นที่พัฒนาร่วมกัน (JDA) คือ ข้อเสนอก้าวข้าม (Break-Through Proposal) ที่เสนอขึ้นโดยฝ่ายกัมพูชา และข้อเสนอแบ่งพื้นที่พัฒนาเป็น 3 ส่วน (Three-Zone Proposal) ที่เสนอขึ้นโดยฝ่ายไทย

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ถึงแม้ไม่มีการประชุมร่วมของคณะกรรมาธิการด้านเทคนิค อย่างเป็นทางการ แต่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ได้ประสานมายังรัฐบาลกัมพูชา เพื่อทำการเจรจาปัญหาพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลหลายครั้ง

ได้แก่ การพบปะระหว่างสมเด็จฮุนเซน กับอดีตรองนายกรัฐมนตรีของไทย นายสุเทพ และอดีตรมว.กลาโหมของไทย พล.อ.ประวิตร เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 2552 ที่ จ.กันดาล ประเทศกัมพูชา

และการพบปะลับระหว่างนายสุเทพ กับรองนายกรัฐมนตรี สุข อาน ที่ฮ่องกง เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2552 และต่อมาที่เมืองคุนหมิง วันที่ 16 ก.ค. 2553

ซึ่งระหว่างการพบปะกันนั้น นายสุเทพได้แสดงความจำนงอยากแก้ไขปัญหานี้ให้เสร็จสิ้นภายในวาระสมัยของ รัฐบาลอภิสิทธิ์ โดยการพบปะเจรจาลับทำขึ้นตามการร้องขอของอดีตรองนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ ที่ได้ยืนยันว่าเป็นคำสั่งการและได้รับการมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์

ซึ่งกัมพูชาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมจึงต้องเจรจาลับ เนื่องจากรัฐบาลชุดก่อนๆ ทุกการเจรจาล้วนทำขึ้นอย่างเปิดเผย แต่กลับถูกกล่าวหาจากพรรคประชาธิปัตย์ว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน

จึงทำให้เกิดข้อสงสัยว่าทำไมรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ จึงต้องเจรจาลับ และประชาชนไทย หรือส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้ทราบเรื่องการเจรจาลับนี้หรือไม่

ขณะที่อดีตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งปัจจุบันคือนายอภิสิทธิ์ ได้ประกาศเกี่ยวกับความโปร่งใสตลอดจนกล่าวหาพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้ทำงานอย่างเปิดเผยกับกัมพูชาว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนกับ กัมพูชา และกีดขวางการดำเนินการเจรจาระหว่างรัฐบาลชุดใหม่ของไทยกับรัฐบาลกัมพูชา

ดังนั้น กัมพูชาจึงมีความจำเป็นต้องเผยความลับนี้เพื่อปกป้องกัมพูชา และพ.ต.ท.ทักษิณ จากการใส่ร้ายของพรรคประชาธิปัตย์

ทั้งนี้ รัฐบาลชุดใหม่ที่นำโดยนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังไม่ได้พบหารือ หรือมีข้อเสนอใดกับรัฐบาลกัมพูชาในการแก้ไขพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเล

ไม่ว่าจะเป็นข้อเสนออย่างใดอย่างหนึ่งในการแก้ไขข้อพิพาทเพื่อแลกเปลี่ยนผล ประโยชน์ส่วนตัวตามการ กล่าวหาของนางอานิก อัมระนันทน์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่มีขึ้นระหว่างการอภิปรายในสภาเมื่อวันที่ 23-24-25 ส.ค. 2554

รัฐบาลกัมพูชาพร้อมและยินดีต่อการเริ่มต้นเจรจาอย่างเปิดเผยและอย่างเป็นทาง การอีกครั้งในปัญหานี้ และสานต่องานนี้ให้แล้วเสร็จโดยเร็วเท่าที่สามารถกระทำได้ เพื่อเป็นประโยชน์ของประชาชนและประเทศทั้งสองต่อไป

ราชธานีพนมเปญ วันที่ 21 ม.ค. 2556
กองการข่าว และปฏิกิริยาฉับพลัน สำนักคณะรัฐมนตรี


23  ศาลโลกตัดสินว่าปราสาทเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา แต่ไม่ได้ตัดสินว่าพื้นที่ใต้ปราสาทเป็นของกัมพูชา

จากกรณีที่ประเทศกัมพูชาจะขอจดทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก
รัฐบาลสมเด็จฮุนเซ็นของประเทศกัมพูชา และรัฐบาลพรรคพลังประชาชนของประเทศไทย
เห็นชอบร่วมกันให้ทั้งสองประเทศร่วมกันใช้ประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการท่องเที่ยว
ม็อบแอบอ้างเสื้อเหลืองที่พรรคประชาธิปัตย์ให้การสนับสนุน ปลุกระดมทวงคืนปราสาทเขาพระวิหาร
คัดค้านต่อต้านและขับไล่รัฐบาลพรรคพลังประชาชน ไม่ให้สนับสนุนการจดทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก
โดยพรรคประชาธิปัตย์กล่าวในที่ประชุมสภาว่า
ศาลโลกตัดสินว่าปราสาทเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา แต่ไม่ได้ตัดสินว่าพี้นที่ใต้ปราสาทเป็นของกัมพูชา
รัฐบาลสมเด็จฮุนเซ็นของประเทศกัมพูชานำเรื่องขึ้นสู่ศาลโลก
ให้พิพากษาชี้ขาดในกรรมสิทธิ์ ไม่เพียงพื้นที่ใต้ปราสาทเขาพระวิหาร
แต่รวมทั้งพื้นที่ทับซ้อน 4.6  ตารางกิโลเมตรรอบปราสาทเขาพระวิหารด้วย

ผลจากการกระทำของพรรคประชาธิปัตย์
ประเทศไทยจะสูญกรรมสิทธิ์อย่างเด็ดขาดในพื้นที่ทับซ้อน 4.6  ตารางกิโลเมตรรอบปราสาทเขาพระวิหาร
หรือไม่ ?


24   กำลังปิดรูปโป๊ในโทรศัพท์

มีภาพโป๊ปรากฏขึ้นบนจอมอนิเตอร์ของที่ประชุมสภา
ซึ่งน่าจะรับสัญญาณโดยบังเอิญจากโทรศัพท์มือถือของผู้อยู่ในที่ประชุมสภา
แต่ไม่สามารถสืบสาวได้ว่ามาจากผู้ใด

ในเวลาต่อมามีการเปิดเผยภาพจากกล้องวงจรปิด
นายณัฎฐ์ บรรทัดฐาน สส. พรรคประชาธิปัตย์
กำลังถือโทรศัพท์มือถือที่จอภาพเป็นรูปผู้หญิงโป๊ ในระหว่างการประชุมสภา

ซึ่งต่อมานายศีริโชค โสภา สส. พรรคประชาธิปัตย์
ได้โพสข้อความชี้แจงใน Facebook ว่า
นายณัฎฐ์ บรรทัดฐาน สส. พรรคประชาธิปัตย์
ไม่ได้ดูรูปโป๊ในระหว่างประชุมสภา แต่กำลังปิดรูปโป๊ในโทรศัพท์ที่มีผู้ส่งเข้ามา
โดยโพสภาพยืนยัน
เป็นภาพเดียวกันกับที่ นายณัฎฐ์ บรรทัดฐาน สส. พรรคประชาธิปัตย์
กำลังถือโทรศัพท์มือถือที่จอภาพเป็นรูปผู้หญิงโป๊ ในระหว่างการประชุมสภา
แต่นิ้วหัวแม่มือเหยียดยาวยืดออกไปจากเดิมไปกดปุ่มปิดโทรศัพท์
ราวกับภาพยนตร์เรื่องแม่นาคพระโขนงที่เหยียดแขนยาวยืดลงไปหยิบของใต้ถุนเรือน

25  โตไปไม่โกง

พรรคประชาธิปัตย์จัดทำป้ายประชาสัมพันธ์โครงการ โตไปไม่โกงทั่วกรุงเทพมหานคร
โดยเป็นโครงการที่ดำเนินการแก่เด็กนักเรียนในโรงเรียนต่างๆ

ทำให้นึกถึงเรื่องเล่าขำขันเรื่องหนึ่ง
เรื่องคนผายลมในลิฟท์แล้วทำทีจ้องหน้าผู้อื่น
พรรคประชาธิปัตย์กำลังผายลมแล้วทำทีจ้องหน้าผู้อื่น หรือไม่ ?

ความเห็นส่วนตัว
รู้สึกเคลือบแคลงว่า อาจเป็นขบวนการล้างสมองตั้งแต่เด็กๆ ให้เชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่โกง
ทั้งดูเหมือนว่าอาจมีเจตนาหวังผลให้เข้าใจว่าผู้อื่นโกง
หรือไม่ ?

พรรคประชาธิปัตย์ โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ปราศรัยหาเสียงเลือกตั้ง กล่าวว่า
พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยมีประวัติโกงการเลือกตั้ง
พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยมีประวัติเอาเปรียบคู่แข่งขันทางการเมือง
พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยทำร้ายคู่แข่งขัน
พรรคประชาธิปัตย์ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย
พรรคประชาธิปัตย์เคารพกฎหมาย เคารพกติกาบ้านเมือง
พรรคประชาธิปัตย์ไม่ทำในสิ่งที่ผิดกฎหมาย
พรรคประชาธิปัตย์หาเสียงเลือกตั้งตามแบบอย่างที่คนดีๆ ในระบอบประชาธิปไตยทั่วโลก เขาทำกัน
พวกคุณทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อำนาจรัฐโดยไม่คำนึงถึงความผิดชอบชั่วดีอะไรทั้งสิ้น
พวกคุณซื้อคะแนนเสียง
พวกคุณซื้อ สส. ซื้อเป็นรายคนไม่พอ ซื้อเหมายกเข่งทั้งพรรค
พรรคของเขา เดิมชื่อพรรคไทยรักไทย ปี 2544 ซื้อ สส. ซื้อเหมาเข่งยกพรรค จนได้เสียงข้างมาก ได้จัดตั้งรัฐบาล
พรรคของเขาเป็นรัฐบาลแล้วลุแก่อำนาจ กดขี่ข่มเหงผู้คน
พวกคุณโกงการเลือกตั้งหลายครั้ง
พวกคุณคุกคามองค์กรอิสระ
พวกคุณแทรกแซงสื่อ
พวกคุณแทรกแซงระบบราชการ
พวกคุณเล่นพรรคเล่นพวก
พวกคุณเอาญาติตัวเองตั้งเป็น ผบ.ทบ.
พวกคุณเป็นรัฐบาลที่ทุจริต คอรัปชั่น โกงบ้านโกงเมือง
หัวหน้าพรรคถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุกสองปี
หัวหน้าพรรคถูกศาลพิพากษาลงโทษยึดทรัพย์
พรรคไทยรักไทยทุจริตเลือกตั้ง จนกระทั่งศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรค
ยุบพรรคไทยรักไทยแล้ว เปลี่ยนชื่อมาเป็นพรรคพลังประชาชนก็ยังไม่เลิกโกงเลือกตั้ง จนศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค
พรรคพลังประชาชนถูกยุบ เปลี่ยนชื่อมาเป็นพรรคเพื่อไทย ทำเลวมากี่หน เปลี่ยนชื่อมากี่ครั้ง คนเขาจำได้
พวกคุณฆ่าคนกรุงเทพมหานคร
พวกคุณเผาโรงหนังสยาม เผาเซ็นทรัลเวิลด์ เผาบ้านเผาเมือง
พวกคุณก่อการจลาจล ก่อการร้าย
พวกคุณเป็นสัตว์ร้ายทางการเมือง


26    พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยมีประวัติโกงการเลือกตั้ง

ศาลจังหวัดราชบุรีพิพากษาจำคุกและเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส. ของพรรคประชาธิปัตย์
ในความผิดทุจริตเลือกตั้ง (นาย บุญมาก ศิริเนาวกุล)

ศาลจังหวัดเพชรบูรณ์พิพากษาจำคุกและเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งหัวคะแนนอดีตผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส. ของพรรคประชาธิปัตย์
ในความผิดทุจริตเลือกตั้ง (นางดวงใจ ยศกันโท)

กกต. สมุทรปราการ เพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส. ของพรรคประชาธิปัตย์
ในความผิดทุจริตเลือกตั้ง (นางสาวสรชา วีรชาติวัฒนา)

กกต. นครศรีธรรมราช เพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งผู้สมัครรับเลือกตั้ง สท. ของพรรคประชาธิปัตย์
ในความผิดทุจริตเลือกตั้ง (นายเชาน์วัศ เสนพงศ์ พี่ชายนายเทพไท เสนพงษ์ สส. พรรคประชาธิปัตย์)

กกต. กาญจนบุรี ยกเลิกผลเลือกตั้ง สส. พรรคประชาธิปัตย์ แล้วให้เลือกตั้งใหม่
ในความผิดทุจริตเลือกตั้ง (นายฉัตรพันธ์ เดชกิจสุนทร)


27  พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยมีประวัติเอาเปรียบคู่แข่งขันทางการเมือง

คณะรัฐประหาร 2549 ประกาศว่าถ้าประชาชนไม่รับรัฐธรรมนูญ 2550 นี้ จะเลือกรัฐธรรมนูญอื่นขึ้นมาใช้เอง
ทั้งมีการชักจูงโดยคณะรัฐประหาร 2549 บุคคลในองค์กรอิสระที่จัดตั้งโดยคณะรัฐประหาร และพรรคประชาธิปัตย์ ว่า
ให้ประชาชนรับรัฐธรรมนูญ 2550 นี้ไปก่อนแล้วค่อยมาแก้ไขปรับปรุงในภายหลังได้
โดยที่ รัฐธรรมนูญ 2550
ยกเว้นความผิดในการยึดอำนาจอธิปไตยของประชาชน
ย้อนหลังไปให้อดีตที่ไม่มีโทษให้เป็นมีโทษ กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยทั้งหมด ไม่มีสิทธิ์รับเลือกตั้ง
ล่วงหน้าไปยกเว้นความผิด ให้ คตส. ที่คณะรัฐประหารตั้งขึ้น สำหรับการกระทำใดๆ ที่กำหนด ให้ไม่มีความผิดใด
จัดแบ่งเขตเลือกตั้งให้จังหวัดที่อยู่ต่างภาคเป็นเขตเลือกตั้งเดียวกัน มีผลต่อคะแนนรวม สส.
จัดแบ่งเขตเลือกตั้งให้คนในพึ้นที่ที่นิยมพรรคการเมืองหนึ่ง หนึ่งคนเลือก สส. ได้หลายคน
จัดแบ่งเขตเลือกตั้งให้คนในพึ้นที่ที่นิยมอีกพรรคการเมืองหนึ่ง หนึ่งคนเลือก สส. ได้คนเดียว
เปิดช่องเป็นการเฉพาะให้ สส. ขายเสียงได้อิสระ
แอบแฝงโยงไปให้ยินยอมรับคำสั่งคณะรัฐประหาร 2549 ทั้งปวง
สืบทอดอำนาจผ่านองค์กรอิสระไปอีก 9 ปี

28   พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยทำร้ายคู่แข่งขัน
นายเลียง ไชยกาล สส. พรรคประชาธิปัตย์
ส่งคนไปตะโกนในโรงหนังว่า ปรีดีฆ่า…”
ก่อนการรัฐประหาร 2490
แล้วคณะรัฐประหาร 2490 ให้พรรคประชาธิปัตย์เข้าบริหารประเทศ
ซึ่งในเวลาต่อมาภายหลัง
นายเลียง ไชยกาล ถูกจับได้ แล้วรับสารภาพ และถูกให้ขอขมาต่อนายปรีดี พนมยงค์

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ปราศรัยหาเสียงเลือกตั้ง กล่าวว่า
เขาจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองของประเทศไทย
มีประธานาธิบดีเป็นประมุขและเป็นหัวหน้ารัฐบาล
เห็นป้ายเขียนว่าประธานาธิบดีทักษิณ ชินวัตร
ต่างอะไรกับที่พรรคประชาธิปัตย์เคยตะโกนในโรงหนังเมื่อหกสิบกว่าปีก่อน ?

พรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนม็อบแอบอ้างเสื้อเหลือง
ยึดทำเนียบ ปิดสนามบิน
ขับไล่รัฐบาลพรรคไทยรักไทยและผู้สืบทอด
ที่ชนะการเลือกตั้งอย่างท่วมท้นครั้งแล้วครั้งเล่า
โดยหลักฐานเท่าที่ปรากฏ คือ
สส. พรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมเป็นแกนนำผู้หนึ่งของม็อบ
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์มอบช่อดอกไม้แก่แกนนำคนสำคัญของม็อบ
หัวหน้าพรรคและรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ไปเยี่ยมม็อบ
รถยนต์ต่างๆ ติดตราพรรคประชาธิปัตย์จอดอยู่บริเวณสถานที่ชุมนุม

พรรคประชาธิปัตย์ชักชวนพรรคการเมืองอื่นๆ
อ้างบอยคอต ไม่ยอมลงเลือกตั้งที่เคยพ่ายแพ้อย่างถล่มทลาย
อ้างจะขอนายกรัฐมนตรีพระราชทาน ตามมาตรา 7
แต่ในหลวงมีพระราชดำรัสว่า มั่ว ไม่เป็นประชาธิปไตย

พรรคประชาธิปัตย์กล่าวโทษและองค์กรอิสระที่จัดตั้งหลังรัฐประหารสั่งยุบพรรคไทยรักไทย
อ้างพยานได้รับเงินจากพรรคไทยรักไทยให้ลงเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 2550 ที่ต้องมีผู้แข่งขันเลือกตั้ง
ในเวลาภายหลังอีกหลายปี พยานผู้นั้นเผยแพร่ตนเองทาง YouTube
ว่าได้รับว่าจ้างให้ใส่ร้ายพรรคไทยรักไทย แล้วถูกหักหลัง พร้อมทั้งเปิดโปงพรรคผู้ว่าจ้างใน YouTube นั้น
องค์กรอิสระปฏิเสธที่จะรื้อฟื้นคดี อ้างว่าไม่อาจย้อนผลกลับคืน

29   พรรคประชาธิปัตย์ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย
ฟังคำพูดไม่พอ ฟังแล้วต้องดูการกระทำ
ตัวอย่างบางส่วน เช่น

นายเลียง ไชยกาล สส. พรรคประชาธิปัตย์
ส่งคนไปตะโกนในโรงหนังว่า ปรีดีฆ่า…”
ก่อนการรัฐประหาร 2490
แล้วคณะรัฐประหาร 2490 ให้พรรคประชาธิปัตย์เข้าบริหารประเทศ
ซึ่งในเวลาต่อมาภายหลัง
นายเลียง ไชยกาล ถูกจับได้ แล้วรับสารภาพ และถูกให้ขอขมาต่อนายปรีดี พนมยงค์

พรรคประชาธิปัตย์เข้าเป็นรัฐบาลหลังรัฐประหาร 6 ตุลาคม 2519
ที่ซึ่งก่อนการรัฐประหาร นักศึกษาถูกกล่าวหาว่าหมิ่นฯ
จากภาพที่ถูกตกแต่ง เผยแพร่โดยหนังสือพิมพ์ดาวสยามและบางกอกโพสต์
ในเหตุการณ์นักศึกษาแสดงละครและชุมนุมต่อต้านการกลับเข้าประเทศของจอมพลถนอม
มีการล้อมจับ สังหารนักศึกษา
ศพนิสิตรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ถูกฆ่า ถูกนำมาแขวนคอ เอาเก้าอี้ฟาด อย่างทารุณ
ที่ซึ่งในเวลาต่อมารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์
มีมติ ครม. คืนทรัพย์สินที่ถูกยึดแก่จอมพลถนอม

กลุ่ม สส. พรรคประชาธิปัตย์ ก่อความวุ่นวายในสภา
ฉุดประธานสภาออกจากเก้าอี้ ปาเอกสารใส่ประธานสภา บีบคอ สส. พรรคเพื่อไทย
ขัดขวางต่อต้านไม่ให้พรรคเพื่อไทยเสนอร่าง พรบ. ปรองดอง

ยังมีอีกมากหรือไม่ ?
  
30   พรรคประชาธิปัตย์เคารพกฎหมาย เคารพกติกาบ้านเมือง
พรรคประชาธิปัตย์ชักชวนพรรคการเมืองอื่นๆ
อ้างบอยคอต ไม่ยอมลงเลือกตั้ง ที่ทุกพรรคเคยพ่ายแพ้อย่างถล่มทลายต่อพรรคไทยรักไทย
อ้างจะขอนายกรัฐมนตรีพระราชทาน ตามมาตรา 7
แต่ในหลวงมีพระราชดำรัสว่า มั่ว ไม่เป็นประชาธิปไตย

กลุ่ม สส. พรรคประชาธิปัตย์ ก่อความวุ่นวายในสภา
ฉุดประธานสภาออกจากเก้าอี้ ปาเอกสารใส่ประธานสภา บีบคอ สส. พรรคเพื่อไทย

ตุลาการรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระที่ตั้งขึ้นหลังรัฐประหาร 2549
พิพากษาไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์
จากคดีทุจริต 29 ล้านบาท และ 258 ล้านบาท
ด้วยเหตุผลว่า
ถือว่านายอภิชาต สุขัคคานนท์ เป็นนายทะเบียนพรรคการเมือง ส่งเรื่องคดีทุจริต 29 ล้านบาท ล่าช้าเกิน 15 วัน
ที่ซึ่งตามระเบียบกำหนดให้นายทะเบียน ส่งเรื่องภายใน 15 วัน
(กำหนด 15 วัน เพื่อไม่ให้นายทะเบียนชักช้า หรือเพื่อไม่ให้เอาผิดจำเลย อย่างใดกันแน่ ?)
และ
ไม่ถือว่านายอภิชาต สุขัคคานนท์ เป็นนายทะเบียนพรรคการเมือง ถือว่าเป็นแต่ประธาน กกต.
เพราะนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ส่งเรื่องคดีทุจริต 258 ล้าน โดยไม่แจ้งว่าเป็นนายทะเบียนพรรคการเมือง
(ทำไม ไม่ให้นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ยืนยันว่าเป็นนายทะเบียนฯ ?)


31  พรรคประชาธิปัตย์ไม่ทำในสิ่งที่ผิดกฎหมาย
(31.1)
ตำรวจจับกุมลูกชายนายเจริญ เชาว์ประยูร สจ. แม่ริม พรรคประชาธิปัตย์ลักลอบขนยาเสพติด

ตำรวจจับกุมนายวิชาญ หลานชาย สส. พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์
สั่งซื้อยาเสพติดจากนักโทษในคุกบางขวาง ไปจำหน่ายในสุราษฎร์ธานี พัทลุง และจังหวัดใกล้เคียง

ตำรวจ สน. ห้วยขวาง ควบคุมตัวลูกชายของนายประจักษ์ชัย ณ สงขลา ปาร์ตึ้ลิสต์ ของพรรคประชาธิปัตย์
ไปฝากขังในคดีครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย

ตำรวจจับกุมลูกสาวนางสลัด ดอกสันเทียะ สข. จอมทอง พรรคประชาธิปัตย์ ค้ายาเสพติด

ตำรวจจับกุมนายสมชาย นิยมราช สข. วังทองหลาง พรรคประชาธิปัตย์
ครอบครองยาเสพติด ยาบ้า ยาไอซ์ ใบกระท่อม
ซึ่งตรวจพบตามหมายค้นจากการได้รับร้องเรียนว่ามีการยิงปืนขึ้นฟ้าหลายครั้ง

ตำรวจจับกุมหลานชาย นายสุไหง แสวงสุข สก. ทวีวัฒนา พรรคประชาธิปัตย์
ครอบครองยาบ้าสามล้านสามแสนเม็ด

(31.2)
ตำรวจฮ่องกงจับกุมนายสาคร เกี่ยวข้อง สส. พรรคประชาธิปัตย์ จังหวัดกระบี่
ในข้อหาลักทรัพย์ เมื่อวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2554
ในระหว่างที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติยางแห่งชาติ
เดินทางไปศึกษาดูงานที่ประเทศจีน
แต่นายสาครยืนยันว่าเป็นการเข้าใจผิด และเป็นความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่แคชเชียร์
อย่างไรก็ตาม ศาลฮ่องกงตัดสินให้ปรับเงินนายสาคร สส. พรรคประชาธิปัตย์ เป็นจำนวน 5,000 ดอลล่าร์ฮ่องกง

(31.3)
ศาลจังหวัดสมุทรสาคร อนุมัติหมายจับ
ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม นายครรชิต ทับสุวรรณ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จังหวัดสมุทรสาคร
ในข้อหาฆ่าคนตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

(31.4)
คณะกรรมการประกอบด้วยนายทหารระดับสูงรวมถึงผู้บัญชาการทหารทุกเหล่าทัพ
ประชุมร่วมกันมีมติให้ถอดยศ ร้อยตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
จากการใช้เอกสารอันเป็นเท็จ หลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร

(31.5)
เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เป็นรัฐบาล
เกิดเหตุลอบวางระเบิดตามสถานที่ต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร
เมื่อพรรคประชาธิปัตย์เข้าเป็นรัฐบาลหลังรัฐประหาร 2549
ระเบิดต่างๆ ก็หายไป

(31.6)
รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์
สั่งปฏิบัติการที่พรรคประชาธิปัตย์เรียกว่า
การกระชับพื้นที่ และ การขอคืนพิ้นที่
จากการชุมนุมของคนเสื้อแดง
ที่เรียกร้องให้ รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ที่ตั้งขึ้นหลังรัฐประหาร 2549
ยุบสภาเพื่อเลือกตั้ง
มีผู้เสียชีวิต 99 คน
พิการและบาดเจ็บสองพันกว่าคน

(31.7)
หลังจากปฏิบัติการกระชับพื้นที่และขอคืนพื้นที่
ทหารภายใต้รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ที่ตั้งขึ้นหลังรัฐประหาร
เข้าควบคุมพื้นที่ราชประสงค์และอาคารเซ็นทรัลเวิลด์อย่างแน่นหนา
ยามรักษาความปลอดภัยของอาคารเซ็นทรัลเวิลด์ทั้งหมดถูกไล่ออกจากอาคาร
แล้วอาคารเซ็นทรัลเวิลด์ที่เป็นอาคารคอนกรีต
มีระบบป้องกันเพลิงไหม้อย่างเพียบพร้อม
ระบบพ่นน้ำดับเพลิงจากท่อที่ต่อกับถังเก็บน้ำบนหลังคาอาคาร
สู่หลอดแก้วบางที่เพดานห้อง ซึ่งจะแตกออกเมื่อถูกความร้อน
ครอบคลุมทุกตารางพื้นที่
ก็ถูกเผาจนวอด
โดยพรรคประชาธิปัตย์โหมประโคมอย่างหนักว่าคนเสื้อแดงเผาบ้านเผาเมือง

(31.8)
วันพุธที่ 19 พฤษภาคม 2553
วันสุดท้ายที่คนเสื้อแดงถูกสลายการชุมนุมที่พื้นที่ราชประสงค์ กรุงเทพมหานคร
มีผู้เสียชีวิตรวม 99 ศพ บาดเจ็บและพิการกว่าสองพันคน
แม้อาจมีผู้มุงดูจำนวนมาก แต่คนจำนวนหลักสิบ ลงมือเผาศาลากลางจังหวัด ในต่างจังหวัดหลายจังหวัด
เจ้าหน้าที่ราชการต่างๆ ตั้งแต่ระดับสูงจนถึงระดับล่าง เจ้าหน้าที่ดับเพลิง ตำรวจ ทหาร
ภายใต้รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ที่จัดตั้งขึ้นหลังรัฐประหาร
ไปไหนกันหมด ?
มีการสร้างสถานการณ์เผาศาลากลางจังหวัด
แล้วดักถ่ายรูปผู้รู้เท่าไม่ถึงการณ์ที่ร่วมผสมโรงหรือไปร่วมมุง
เอามาเป็นแพะรับบาปหรือไม่ ?

(31.9)
หลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมปี 2553
ในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ที่จัดตั้งขึ้นหลังรัฐประหาร
เว็บบอร์ดพันทิป โดยห้องราชดำเนิน
เตือนอย่างต่อเนื่องให้ผู้ที่จะชนะเลือกตั้งเป็นรัฐบาลต่อไป
เตรียมการป้องกันน้ำท่วมที่เกิดขึ้นมาแล้วแทบทุกปี
มีใครเอาความปรารถนาดีนี้ไปใช้อย่างตรงกันข้ามหรือไม่ ?
หลังการเลือกตั้ง
พรรคประชาธิปัตย์ข่มขู่จะยื่นถอดถอน
รัฐบาลยิ่งลักษณ์พรรคเพื่อไทย
ที่ชนะเลือกตั้งอย่างท่วมท้น
ถ้ารัฐบาลยิ่งลักษณ์พรรคเพื่อไทย
ปฎิบัติภารกิจใดๆ ก่อนแถลงนโยบายเสร็จสิ้น
โดยที่ปริมาณน้ำกักเก็บในเขื่อนสำคัญต่างๆ
เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนเต็มเขื่อนในวันที่แถลงนโยบายเสร็จสิ้น
มีใครวางยาให้ต้องระบายน้ำออกจากเขื่อนเมื่อฝนตก
จนน้ำท่วมยิ่งกว่าที่ควรจะเป็นตามธรรมชาติ
เป็นวิกฤติสาหัสเกือบทั้งประเทศหรือไม่ ?
  
32   พรรคประชาธิปัตย์หาเสียงเลือกตั้งตามแบบอย่างที่คนดีๆ ในระบอบประชาธิปไตยทั่วโลก เขาทำกัน

(32.1)
พรรคประชาธิปัตย์หาเสียงเลือกตั้งตามแบบอย่างที่คนดีๆ ในระบอบประชาธิปไตยทั่วโลก เขาทำกัน
ทำมานานแล้ว ในทันทีตั้งแต่เริ่มต้นก่อตั้งพรรคทีเดียว

ดังเช่น
จากวิทยานิพนธ์ปริญญาเอก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ของณัฐพล จริงใจ
ดังต่อไปนี้

ผลการสอบสวนของคณะกรรมาธิการสภาผู้แทน
พิจารณาการที่พรรคประชาธิปัตย์ที่เพิ่งก่อตั้งขึ้น
ได้กล่าวหารัฐบาลนายปรีดี พนมยงค์ พรรคสหชีพ ว่ายักยอกเงิน นั้น
ข้อกล่าวหา ไม่เป็นความจริง แต่อย่างใดทั้งสิ้น

พรรคประชาธิปัตย์หาเสียงเลือกตั้ง โฆษณาชวนเชื่อ
ช่วงชิงผลงานการเสด็จนิวัติฯ จากรัฐบาลนายปรีดี พนมยงค์

มจ. ศุภสวัสดิ์ วงศ์สนิท ทรงบันทึกในหนังสือ
A Memorandum on a Certain Aspect of the Siamese Politics on His Majesty the King
ว่า นายควง อภัยวงศ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี

(32.2)
กฎหมายเลือกตั้ง กำหนดข้อห้ามหลายประการ
ข้อห้ามประการหนึ่ง คือ ห้ามใส่ร้ายป้ายสี

(32.3)
พรรคประชาธิปัตย์หาเสียงเลือกตั้งตามแบบอย่างที่คนดีๆ ในระบอบประชาธิปไตยทั่วโลก เขาทำกัน
โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ปราศรัยหาเสียงเลือกตั้ง กล่าวว่า
เขาจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองของประเทศไทย
มีประธานาธิบดีเป็นประมุขและเป็นหัวหน้ารัฐบาล
เห็นป้ายเขียนว่าประธานาธิบดีทักษิณ ชินวัตร
ต่างอะไรกับที่พรรคประชาธิปัตย์เคยตะโกนในโรงหนังเมื่อหกสิบกว่าปีก่อน ?

เป็นพรรคประชาธิปัตย์ที่
หัวหน้าพรรคเซ็นชื่อในเอกสารรับรองว่าเกิดที่เมืองนิวเซาท์เวลส์เป็นความจริงทุกประการ
หัวหน้าพรรคเซ็นชื่อในเอกสารรับรองว่าเกิดที่กรุงเทพเป็นความจริงทุกประการอีกเช่นกัน

เป็นพรรคประชาธิปัตย์ที่ประกาศว่าตำรวจสากลออกหมายจับตามล่าทักษิณ
ซึ่งปรากฏภายหลังว่าตำรวจสากลปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง (คือ เป็นเรื่องโกหก ใช่หรือไม่ ?)

เป็นพรรคประชาธิปัตย์ที่กล่าวว่าทักษิณหนีโทษ
เป็นโทษจากกระบวนการรัฐประหารและแต่งตั้งผู้เป็นปรปักษ์มาดำเนินกระบวนการของคดี ใช่หรือไม่ ?

เป็นพรรคประชาธิปัตย์ที่ตามล่าเป็นเอาตายเอาโทษจำคุกทักษิณ
ที่ภรรยาทักษิณ จ่ายเงิน 772 ล้านบาท ซื้อที่ดินรัชดา ที่ราคาทุนของกองทุนฟื้นฟู 107 ล้านบาท
ที่ดินรัชดาอันเป็นส่วนเสี้ยวของผงธุลีหนึ่งของทรัพย์สิน ปรส.
ที่พรรคประชาธิปัตย์ขายขาดทุนด้วยเงื่อนไขที่กำหนดอย่างมีเงื่อนงำเอื้อให้ต่างชาติและกีดกันคนไทย ใช่หรือไม่ ?
ขายขาดทุนมหาศาลในราคา 190,000 ล้านบาท จากต้นทุน 851,000 ล้านบาท ใช่หรือไม่ ?
ทั้งกระบวนการจากรัฐประหารยังยึดทรัพย์ทักษิณ เพราะถือว่าหุ้นจำนวนส่วนนั้น เป็นของทักษิณ ไม่เป็นของลูกทักษิณ
ทั้งจะปรับเงินลูกทักษิณ เพราะถือว่าหุ้นจำนวนส่วนนั้น เป็นของลูกทักษิณ ไม่เป็นของทักษิณ

เป็นพรรคประชาธิปัตย์ที่กล่าวว่าไม่หนีคดีอย่างทักษิณ
แท้จริงผู้ร้ายตัวจริงใดก็ตามในความผิดคดีกระชับพื้นที่และขอคืนพี้นที่ 99 ศพ
จะไม่สามารถหนีคดีไปที่ไหนได้ จะถูกตำรวจสากลออกหมายจับตามล่า ใช่หรือไม่ ?

(32.4)
พรรคประชาธิปัตย์หาเสียงเลือกตั้งตามแบบอย่างที่คนดีๆ ในระบอบประชาธิปไตยทั่วโลก เขาทำกัน
โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ปราศรัยหาเสียงเลือกตั้ง
กล่าวถึงคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยว่า
พวกคุณทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อำนาจรัฐโดยไม่คำนึงถึงความผิดชอบชั่วดีอะไรทั้งสิ้น
พวกคุณซื้อคะแนนเสียง
พวกคุณซื้อ สส. ซื้อเป็นรายคนไม่พอ ซื้อเหมายกเข่งทั้งพรรค
พรรคของเขา เดิมชื่อพรรคไทยรักไทย ปี 2544 ซื้อ สส. ซื้อเหมาเข่งยกพรรค จนได้เสียงข้างมาก ได้จัดตั้งรัฐบาล
พรรคของเขาเป็นรัฐบาลแล้วลุแก่อำนาจ กดขี่ข่มเหงผู้คน
พวกคุณโกงการเลือกตั้งหลายครั้ง
พวกคุณคุกคามองค์กรอิสระ
พวกคุณแทรกแซงสื่อ
พวกคุณแทรกแซงระบบราชการ
พวกคุณเล่นพรรคเล่นพวก
พวกคุณเอาญาติตัวเองตั้งเป็น ผบ.ทบ.
พวกคุณเป็นรัฐบาลที่ทุจริต คอรัปชั่น โกงบ้านโกงเมือง
หัวหน้าพรรคถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุกสองปี
หัวหน้าพรรคถูกศาลพิพากษาลงโทษยึดทรัพย์
พรรคไทยรักไทยทุจริตเลือกตั้ง จนกระทั่งศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรค
ยุบพรรคไทยรักไทยแล้ว เปลี่ยนชื่อมาเป็นพรรคพลังประชาชนก็ยังไม่เลิกโกงเลือกตั้ง จนศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค
พรรคพลังประชาชนถูกยุบ เปลี่ยนชื่อมาเป็นพรรคเพื่อไทย ทำเลวมากี่หน เปลี่ยนชื่อมากี่ครั้ง คนเขาจำได้
พวกคุณฆ่าคนกรุงเทพมหานคร
พวกคุณเผาโรงหนังสยาม เผาเซ็นทรัลเวิลด์ เผาบ้านเผาเมือง
พวกคุณก่อการจลาจล ก่อการร้าย
พวกคุณเป็นสัตว์ร้ายทางการเมือง

33   พวกคุณทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อำนาจรัฐโดยไม่คำนึงถึงความผิดชอบชั่วดีอะไรทั้งสิ้น

(33.1)
นายเลียง ไชยกาล สส. พรรคประชาธิปัตย์
ส่งคนไปตะโกนในโรงหนังว่า ปรีดีฆ่า…”
ก่อนการรัฐประหาร 2490
แล้วคณะรัฐประหาร 2490 ให้พรรคประชาธิปัตย์เข้าบริหารประเทศ
ซึ่งในเวลาต่อมาภายหลัง
นายเลียง ไชยกาล ถูกจับได้ แล้วรับสารภาพ และถูกให้ขอขมาต่อนายปรีดี พนมยงค์

(33.2)
พรรคประชาธิปัตย์เข้าเป็นรัฐบาลหลังรัฐประหาร 6 ตุลาคม 2519
ที่ซึ่งก่อนการรัฐประหาร นักศึกษาถูกกล่าวหาว่าหมิ่นฯ
จากภาพที่ถูกตกแต่ง เผยแพร่โดยหนังสือพิมพ์ดาวสยามและบางกอกโพสต์
ในเหตุการณ์นักศึกษาแสดงละครและชุมนุมต่อต้านการกลับเข้าประเทศของจอมพลถนอม
มีการล้อมสังหาร จับกุมนักศึกษา
ศพนิสิตรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ถูกฆ่า ถูกนำมาแขวนคอ เอาเก้าอี้ฟาด อย่างทารุณ
ที่ซึ่งในเวลาต่อมารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์
มีมติ ครม. คืนทรัพย์สินที่ถูกยึดแก่จอมพลถนอม

(33.3)
พรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนม็อบแอบอ้างเสื้อเหลือง
ยึดทำเนียบ ปิดสนามบิน
ขับไล่รัฐบาลพรรคไทยรักไทยและผู้สืบทอด
ที่ชนะการเลือกตั้งอย่างท่วมท้นครั้งแล้วครั้งเล่า
โดยหลักฐานเท่าที่ปรากฏ คือ
สส. พรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมเป็นแกนนำผู้หนึ่งของม็อบ
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์มอบช่อดอกไม้แก่แกนนำคนสำคัญของม็อบ
หัวหน้าพรรคและรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ไปเยี่ยมม็อบ
รถยนต์ต่างๆ ติดตราพรรคประชาธิปัตย์จอดอยู่บริเวณสถานที่ชุมนุม

(33.4)
พรรคประชาธิปัตย์ชักชวนพรรคการเมืองอื่นๆ
อ้างบอยคอต ไม่ยอมลงเลือกตั้งที่เคยพ่ายแพ้อย่างถล่มทลาย
อ้างจะขอนายกรัฐมนตรีพระราชทาน ตามมาตรา 7
แต่ในหลวงมีพระราชดำรัสว่า มั่ว ไม่เป็นประชาธิปไตย
พรรคประชาธิปัตย์กล่าวโทษและองค์กรอิสระที่จัดตั้งหลังรัฐประหารสั่งยุบพรรคไทยรักไทย
อ้างพยานได้รับเงินจากพรรคไทยรักไทยให้ลงเลือกตั้ง
ตามรัฐธรรมนูญ ที่ต้องมีผู้แข่งขันเลือกตั้ง ไม่เช่นนั้นต้องได้คะแนนเสียงถึงเกณฑ์ที่กำหนด
ในเวลาภายหลังอีกหลายปี พยานผู้นั้นเผยแพร่ตนเองทาง YouTube
ว่าได้รับว่าจ้างให้ใส่ร้ายพรรคไทยรักไทย แล้วถูกหักหลัง พร้อมทั้งเปิดโปงพรรคผู้ว่าจ้างใน YouTube นั้น
องค์กรอิสระปฏิเสธที่จะรื้อฟื้นคดี อ้างว่าไม่อาจย้อนผลกลับคืน

(33.5)
ผลการเลือกตั้ง สส. ในเขตกรุงเทพมหานคร สองครั้งที่ผ่านมา
แตกต่างตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
กับผลสำรวจที่มีความแม่นยำสูงโดย Exit Poll
ของทุกสำนัก ทุกสถาบันของประเทศ
จากที่พรรคประชาธิปัตย์แพ้เลือกตั้งเกือบทุกเขต
กลายเป็นพรรคประชาธิปัตย์ชนะเลือกตั้งเกือบทุกเขต
พิกลหรือไม่ ?

(33.6)
นายชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตอนหนึ่งว่า
พรรคประชาธิปัตย์ต้องยอมให้ตำแหน่งกระทรวงหลักสำคัญๆ แก่พรรคร่วมรัฐบาล
เพื่อให้ยอมสนับสนุนคะแนนเสียง สส. ให้พรรคประชาธิปัตย์ในการจัดตั้งรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

คำถาม คือ
พรรคประชาธิปัตย์ให้ตำแหน่งกระทรวงหลักสำคัญๆ แก่พรรคร่วมรัฐบาล
เพื่อให้ยอมสนับสนุนคะแนนเสียง สส. ให้พรรคประชาธิปัตย์ในการจัดตั้งรัฐบาลอภิสิทธ์ เวชชาขีวะ
แม้พรรคประชาธิปัตย์จะไม่ได้ทำงานหลักสำคัญๆ
จะเข้ามาเป็นรัฐบาลทำอะไร ?

34   พวกคุณซื้อคะแนนเสียง

ศาลจังหวัดราชบุรีพิพากษาจำคุกและเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส. ของพรรคประชาธิปัตย์ (นาย บุญมาก ศิริเนาวกุล)
ในความผิดทุจริตเลือกตั้ง ซื้อคะแนนเสียง

ศาลจังหวัดเพชรบูรณ์พิพากษาจำคุกและเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งหัวคะแนนอดีตผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส. ของพรรคประชาธิปัตย์
(นางดวงใจ ยศกันโท) ในความผิดทุจริตเลือกตั้ง ซื้อคะแนนเสียง

กกต. สมุทรปราการ เพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส. ของพรรคประชาธิปัตย์ (นางสาวสรชา วีรชาติวัฒนา)
ในความผิดทุจริตเลือกตั้ง ซื้อคะแนนเสียง

กกต. นครศรีธรรมราช เพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งผู้สมัครรับเลือกตั้ง สท. ของพรรคประชาธิปัตย์
(นายเชาน์วัศ เสนพงศ์ พี่ชายนายเทพไท เสนพงษ์ สส. พรรคประชาธิปัตย์) ในความผิดทุจริตเลือกตั้ง ซื้อคะแนนเสียง

กกต. กาญจนบุรี ยกเลิกผลเลือกตั้ง สส. พรรคประชาธิปัตย์ (นายฉัตรพันธ์ เดชกิจสุนทร) แล้วให้เลือกตั้งใหม่
ในความผิดทุจริตเลือกตั้ง ซื้อคะแนนเสียง

35  พวกคุณซื้อ สส. ซื้อเป็นรายคนไม่พอ ซื้อเหมายกเข่งทั้งพรรค
พรรคประชาธิปัตย์ต้องยอมให้ตำแหน่งกระทรวงหลักสำคัญๆ แก่พรรคร่วมรัฐบาล
เพื่อให้ยอมสนับสนุนคะแนนเสียง สส. ให้พรรคประชาธิปัตย์ในการจัดตั้งรัฐบาล
แม้พรรคประชาธิปัตย์จะไม่ได้ทำงานหลักสำคัญๆ
จะเข้ามาเป็นรัฐบาลทำอะไร ?


36   พรรคของเขา เดิมชื่อพรรคไทยรักไทย ปี 2544 ซื้อ สส. ซื้อเหมาเข่งยกพรรค จนได้เสียงข้างมาก ได้จัดตั้งรัฐบาล

กรุง ศรีวิไล หลังจากย้ายออกจากพรรคไทยรักไทย สอบตกการเลือกตั้ง ไม่ได้เป็น สส. อีกเลยนับแต่บัดนั้น
ศุภมาส อิศรภักดี หลังจากย้ายออกจากพรรคไทยรักไทย สอบตกการเลือกตั้ง ไม่ได้เป็น สส. อีกเลยนับแต่บัดนั้น
ฯลฯ
ทุกคนที่ย้ายออกจากพรรคไทยรักไทย แทบทั้งหมดทั้งสิ้น สอบตกการเลือกตั้ง ไม่ได้เป็น สส. อีกเลยนับแต่บัดนั้น

นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช หลังจากย้ายออกจากพรรคไทยรักไทย
ผลเลือกตั้งเหลือ สส. 5 คน จากเดิมที่เป็นกลุ่มคะแนนเสียง สส. กลุ่มใหญ่ ประมาณ 40 คน ในนามกลุ่มวังน้ำเย็น

นายเนวิน ชิดชอบ หลังจากย้ายออกจากพรรคไทยรักไทย
เข้าร่วมเป็นรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์หลังรัฐประหาร ในนามพรรคภูมิใจไทย
จากผลการเลือกตั้งของพรรคภูมิใจไทยในเวลาต่อมา
นายเนวิน ชิดชอบ ประกาศเลิกเล่นการเมือง

ผู้อื่นต้องอาศัยพรรคไทยรักไทยเพื่อเป็นรัฐบาล
โดยพรรคไทยรักไทยเป็นผู้บริหารงานหลักสำคัญๆ

พรรคประชาธิปัตย์ให้ตำแหน่งกระทรวงหลักสำคัญๆ แก่พรรคอี่น
เพื่อให้ยอมสนับสนุนคะแนนเสียง สส. ให้พรรคประชาธิปัตย์ในการจัดตั้งรัฐบาล
แม้พรรคประชาธิปัตย์จะไม่ได้ทำงานหลักสำคัญๆ


37   พรรคของเขาเป็นรัฐบาลแล้วลุแก่อำนาจ กดขี่ข่มเหงผู้คน
(37.1)
พรรคประชาธิปัตย์กล่าวโทษมนุษยธรรม โจมตีทักษิณและพรรคไทยรักไทยที่ปราบปรามยาเสพติดอย่างหนัก

ตำรวจจับกุมลูกชายนายเจริญ เชาว์ประยูร สจ. แม่ริม พรรคประชาธิปัตย์ลักลอบขนยาเสพติด
ตำรวจจับกุมนายวิชาญ หลานชาย สส. พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์
สั่งซื้อยาเสพติดจากนักโทษในคุกบางขวาง ไปจำหน่ายในสุราษฎร์ธานี พัทลุง และจังหวัดใกล้เคียง
ตำรวจ สน. ห้วยขวาง ควบคุมตัวลูกชายของนายประจักษ์ชัย ณ สงขลา ปาร์ตึ้ลิสต์ ของพรรคประชาธิปัตย์
ไปฝากขังในคดีครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย
ตำรวจจับกุมลูกสาวนางสลัด ดอกสันเทียะ สข. จอมทอง พรรคประชาธิปัตย์ ค้ายาเสพติด
ตำรวจจับกุมนายสมชาย นิยมราช สข. วังทองหลาง พรรคประชาธิปัตย์
ครอบครองยาเสพติด ยาบ้า ยาไอซ์ ใบกระท่อม
ซึ่งตรวจพบตามหมายค้นจากการได้รับร้องเรียนว่ามีการยิงปืนขึ้นฟ้าหลายครั้ง
ตำรวจจับกุมหลานชาย นายสุไหง แสวงสุข สก. ทวีวัฒนา พรรคประชาธิปัตย์
ครอบครองยาบ้าสามล้านสามแสนเม็ด

ในการปราบปรามยาเสพติดอย่างหนัก ต่อเนื่องไม่ลดละ
เกิดเหตุการณ์ฆ่าตัดตอนกันเองจำนวนมาก ในขบวนการผู้ค้ายาเสพติด
เพื่อไม่ให้สาวไปถึงต้นตอในขบวนการ

คณะกรรมการอิสระเพื่อตรวจสอบ นโยบายของทักษิณในการปราบปรามยาเสพติด
เสนอต่อรัฐบาลสุรยุทธ์ว่า ระหว่างช่วงรัฐบาลทักษิณปราบปรามยาเสพติด
ไม่สามารถสรุปเกี่ยวกับการฆ่าตัดตอนได้ ผลสรุปได้เพียงว่า มีคดีเสียชีวิต 2,819 คน
มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องยาเสพติด 1,370 คน ไม่ทราบ 571 คน ไม่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้อง 878 คน

สื่อบางแห่งและพรรคประชาธิปัตย์นำตัวเลขผู้เสียชีวิตว่าประมาณ 2,500 ศพ
มาโหมประโคมโจมตี กล่าวโทษมนุษยธรรมของรัฐบาลทักษิณอย่างรุนแรง

โดยที่ครอบครัวของนักการเมืองระดับต่างๆ ของพรรคประชาธิปัตย์
ถูกจับกุมขณะค้ายาเสพติด เป็นข่าวในสื่อต่างๆ เป็นระยะๆ

พระราชดำรัส ณ ศาลาดุสิตาลัย วันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม 2546
ชัยชนะของการปราบยาเสพติดนี่ ดีที่ปราบ
แล้วก็ที่เขาตำหนิบอกว่า คนตาย ตั้ง 2,500 คน อะไรนั่น
เรื่องเล็ก 2,500 คน
ถ้านายกฯไม่ได้ทำ นายกฯไม่ได้ทำทุกปีๆ จดไว้นะ มีมากกว่า 2,500 คน ที่ตาย
ที่ตายทั้งคนเสพติด แล้วก็ขึ้นไปฆ่าคน หรือทำอะไร เผาอะไรต่างๆ
รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่ต้องไปปราบปกติ ก็ตายมากเหมือนกัน  แต่ไม่พูดเท่านั้นเอง...
...แล้วที่บอก 2,500 คน นี่ก็ไม่เชื่อ มีมากกว่า ที่เขาตายแต่เราไม่รู้เรื่อง
แล้วก็พวกที่ทางเจ้าหน้าที่ได้สังหาร ไม่ใช่ 2,500 นี่ เขาสังหารกันเอง
แล้วนี่เราจะรับผิดชอบได้อย่างไร
เขาด่าว่า นายกฯ ทำสงคราม ทำให้คนตาย 2,500 คน
ความจริงไม่ใช่อย่างนั้น 2,500 คน มันไม่ใช่ทั้งหมด
เขานับแต่ว่า พวกที่ตายเป็นส่วนใหญ่เป็นพวกที่เขาฆ่ากันเอง
พวกที่ค้า พวกที่ผลิต เขาฆ่ากันเองจำนวนมาก
ที่ทางราชการจะรับผิดชอบก็อาจจะมีจำนวนหนึ่ง
ก็ลองถามทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไปแยกจำนวนเป็นเท่าไร
ก็เชื่อว่าใน 2,500 นี่ มากที่เขาฆ่ากันเอง แล้วก็เอาความผิดของเขา
มาโยนให้ท่านซูเปอร์นายกฯ

(37.2)
พรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า
การก่อการร้ายในสามจังหวัดภาคใต้กลับรุนแรงขึ้นอีก เมื่อทักษิณเป็นรัฐบาล

ซึ่งก็คือ
ปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
กลับมาประทุรุนแรงขึ้นอีกเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เป็นรัฐบาล

โดยมีแนวโน้มว่าพรรคประชาธิปัตย์จะไม่ได้เป็นรัฐบาลอีกอย่างยาวนาน

เกิดเหตุลอบวางระเบิดในสถานที่ต่าง ๆ ของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
สร้างสถานการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นในประเทศ
หลังจากเหตุลอบวางระเบิดอย่างหนักในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ก็มีเหตุลอบวางระเบิดในกรุงเทพมหานครในเวลาต่อมา หลายครั้ง
ซึ่งเป็นในช่วงเวลาเดียวกับความไม่สงบของประเทศจากการชุมนุม
ของม็อบแอบอ้างเสื้อเหลือง ที่สนับสนุนโดยพรรคประชาธิปัตย์

น่าแปลกที่การระเบิดครั้งใหญ่ในภาคใต้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
กลับรีบไปตรวจในสถานที่ โดยไม่เกรงกับดักระเบิดซ้ำที่มักเกิดขึ้น
ราวกับรู้ใจผู้วางระเบิดเป็นอย่างดี

ใครสร้างสถานการณ์ความไม่สงบของประเทศ หรือไม่ ?

มีคำกล่าวของพรรคประชาธิปัตย์ว่า
ถ้าพรรคเพื่อไทยบริหารประเทศ บ้านเมืองจะไม่สงบ
คงเป็นเช่น จะมีระเบิดเกิดในสถานที่ต่างๆ ดังที่เคยเป็นมา
แต่เมื่อพรรคประชาธิปัตย์เข้ามา ระเบิดก็จะหยุดไปเอง

น่าแปลกที่เมื่ออีกพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาครองอำนาจหลังการรัฐประหาร
เหตุระเบิดต่างๆในกรุงเทพมหานครที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ก็หายไปได้เอง โดยไม่ได้มีการทำอะไร

แต่แม้พรรคประชาธิปัตย์จะเข้ามาครองอำนาจหลังการรัฐประหาร
เหตุก่อการร้ายในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ยังคงไม่สงบ
จากวิกิลีกส์ ข้อมูลของเจ้าหน้าที่การทูตของประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า
ส่วนใหญ่ของเหตุไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นการสร้างสถานการณ์ขึ้น
และมีบางส่วนเป็นการฉวยโอกาสเข้าร่วมผสมโรงของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนและกลุ่มอื่นๆ

พรรคประชาธิปัตย์กล่าวในทำนองว่า
ทักษิณกล่าวว่าผู้ก่อการร้ายเป็นโจรกระจอก ทำให้ผู้ก่อการร้ายไม่พอใจ ยิ่งก่อเหตุมากขึ้น

พรรคประชาธิปัตย์โจมตีทักษิณอย่างหนักที่กล่าวว่าโจรกระจอก
ราวกับพรรคประชาธิปัตย์ถูกด่าว่าโจรกระจอกเสียเอง

พรรคประชาธิปัตย์พอใจมากที่พลเอกสุรยุทธ์จะขอปูผ้ากราบโจร
ราวกับพรรคประชาธิปัตย์จะได้รับการปูผ้ากราบเสียเอง

ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ?
พรรคประชาธิปัตย์กล่าวโจมตี
กรณีการสลายชุมนุมที่มัสยิดกรือเซะ อำเภอตากใบ ทำให้มีผู้เสียชีวิต

พรรคประชาธิปัตย์ทำซีดีแจกประชาชนในภาคใต้
เกี่ยวกับเหตุการณ์การชุมนุมที่มัสยิดกรือเซะ อำเภอตากใบ
ที่การชุมนุมลุกลามบานปลาย
แล้วเจ้าหน้าที่เข้าควบคุมขนส่งผู้ชุมนุมจำนวนมากออกจากพื้นที่
ผู้ชุมนุมที่อิดโรยเนื่องจากอยู่ในระหว่างการถือศีลอด
ถูกให้นอนทับถมกันอย่างแออัดในรถขนส่งที่เดินทางไกลเป็นระยะเวลานาน
ผู้ชุมนุมที่ถูกทับอยู่ด้านล่างจำนวนหนึ่งเสียชีวิตลง

การแจกซีดีของพรรคประชาธิปัตย์
ยิ่งก่อความแตกแยกร้าวลึกของประชาชนต่อรัฐ
ที่มีการพยายามเยียวยาประสาน
หรือไม่ ?

มีใครใช้อุบายยั่วยุปลุกปั่นให้วิวาทห้ำหั่น
เพื่อลวงประชาชนให้สนับสนุนตนให้มีอำนาจ
หรือไม่ ?



38   พวกคุณโกงการเลือกตั้งหลายครั้ง
ผลการเลือกตั้ง สส. ในเขตกรุงเทพมหานคร สองครั้งที่ผ่านมา
แตกต่างตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
กับผลสำรวจที่มีความแม่นยำสูงโดย Exit Poll
ของทุกสำนัก ทุกสถาบันของประเทศ
จากที่พรรคประชาธิปัตย์แพ้เลือกตั้งเกือบทุกเขต
กลายเป็นพรรคประชาธืปัตย์ชนะเลือกตั้งเกือบทุกเขต


39   พวกคุณคุกคามองค์กรอิสระ
องค์กรอิสระที่จัดตั้งหลังรัฐประหารสั่งยุบพรรคไทยรักไทย
อ้างพยานได้รับเงินจากพรรคไทยรักไทยให้ลงเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 2550 ที่ต้องมีผู้แข่งขันเลือกตั้ง
ในเวลาภายหลังอีกหลายปี พยานผู้นั้นเผยแพร่ตนเองทาง YouTube
ว่าได้รับว่าจ้างให้ใส่ร้ายพรรคไทยรักไทย แล้วถูกหักหลัง พร้อมทั้งเปิดโปงพรรคผู้ว่าจ้างใน YouTube นั้น
องค์กรอิสระปฏิเสธที่จะรื้อฟื้นคดี อ้างว่าไม่อาจย้อนผลกลับคืน

องค์กรอิสระที่จัดตั้งหลังรัฐประหารสั่งปลดนายสมัคร สุนทรเวช
จากข้อหาจัดรายการสอนทำกับข้าวทางสถานีโทรทัศน์
และสั่งยุบพรรคพลังประชาชน
ด้วยข้อหา มีพยานหนึ่งคน ให้การว่ารับเงินซื้อเสียง

คดีคนเสื้อแดงต่างๆ ถูกจับกุม ดำเนินคดี ขังคุก ในทันที
คดีของม็อบแอบอ้างเสื้อเหลือง เลื่อนแล้วเลื่อนอีกๆ
จวบกระทั่งปัจจุบัน น่าจะยังไม่มีใครถูกลงโทษ
แม้กระทั่งจะกระทำความผิดอุกฉกรรจ์
ไล่ยิงแท็กซี่คนเสื้อแดงที่ซอยวิภาวดี 3
ขับรถทับตำรวจแล้วถอยกลับมาซ้ำ
ยึดทำเนียบ
ปิดสนามบิน

ตุลาการรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระที่ตั้งขึ้นหลังรัฐประหาร 2549
พิพากษาไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์
จากคดีทุจริต 29 ล้านบาท และ 258 ล้านบาท
ด้วยเหตุผลว่า
ถือว่านายอภิชาต สุขัคคานนท์ เป็นนายทะเบียนพรรคการเมือง ส่งเรื่องคดีทุจริต 29 ล้านบาท ล่าช้าเกิน 15 วัน
ที่ซึ่งตามระเบียบกำหนดให้นายทะเบียน ส่งเรื่องภายใน 15 วัน
(กำหนด 15 วัน เพื่อไม่ให้นายทะเบียนชักช้า หรือเพื่อไม่ให้เอาผิดจำเลย อย่างใดกันแน่ ?)
และ
ไม่ถือว่านายอภิชาต สุขัคคานนท์ เป็นนายทะเบียนพรรคการเมือง ถือว่าเป็นแต่ประธาน กกต.
เพราะนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ส่งเรื่องคดีทุจริต 258 ล้าน โดยไม่แจ้งว่าเป็นนายทะเบียนพรรคการเมือง
(ทำไม ไม่ให้นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ยืนยันว่าเป็นนายทะเบียนฯ ?)


40   พวกคุณแทรกแซงสื่อ
องค์กรฟรีดอมเฮาส์จัดอันดับเสรีภาพสื่อ
ในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์พรรคประชาธิปัตย์
ลดระดับลงให้อยู่ในระดับเดียวกับประเทศพม่า

ในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์พรรคประชาธิปัตย์
เว็บบอร์ดพันทิบ ปิดห้องราชดำเนิน
ซึ่งเป็นห้องที่ประชาชนแสดงความคิดเห็นทางการเมืองต่างๆ

สื่อบางแห่งป่าวประกาศ ป่าวร้องว่า ทักษิณคุกคามสื่อๆๆๆ ไปพลาง
ขุดทั้งตระกูลของทักษิณ
มาก่นด่า ประณาม หยามเหยียด ล้อเลียน หยาบๆคายๆ แทบไม่เว้นแต่ละวัน ไปพลาง

นายวัชระ เพชรทอง สส. พรรคประชาธิปัตย์
เป็นญาตินายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์
และเป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์แนวหน้า


41   พวกคุณแทรกแซงระบบราชการ
กพค. (คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม สำนักงานข้าราชการพลเรือน)
พิจารณาตัดสินว่าการย้ายนายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย
ในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ พรรคประชาธิปัตย์
ไม่ชอบดัวยกฎหมาย

นายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ กล่าวในสมัยเป็นฝ่ายค้านหลังจากเป็นรัฐบาลหลังรัฐประหาร
ว่า พรรคประชาธิปัตย์ ไม่เคยย้ายใคร
โดยที่
ข้าราชการในสมัยรัฐบาลอภิสิทธ์พรรคประชาธิปัตย์ที่จัดตั้งหลังรัฐประหาร
ถูกย้ายกันแทบจะล้างบาง



42   พวกคุณเล่นพรรคเล่นพวก
รัฐบาลอภิสิทธิ์ พรรคประชาธิปัตย์
ไม่ยอมแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตามมติ กตช.
ปล่อยให้เว้นว่างอยู่เป็นเวลายาวนาน

43   พวกคุณเอาญาติตัวเองตั้งเป็น ผบ.ทบ.
ทำให้ได้ ผบ.ทบ. ที่อยู่ใต้กำกับของรัฐบาลที่ประชาชนเลือกตั้งมา
ด้วยคะแนนเสียงอย่างท่วมท้น

ย่อมแตกต่างจากการที่ ตำแหน่ง ผบ. ทบ.
ถูกคณะรัฐประหารออกกฎหมายในรัฐธรรมนูญ
ไม่ให้อยู่ใต้กำกับของรัฐบาลที่ประชาชนเลือกตั้งมา
รัฐบาลที่ประชาชนเลือกตั้งมา
ไม่สามารถแต่งตั้ง โยกย้าย และปลดออก ผบ. ทบ. ได้เลย
เมื่อเป็นดังนี้ แล้วทหารอยู่ใต้กำกับของใคร ?

44   พวกคุณเป็นรัฐบาลที่ทุจริต คอรัปชั่น โกงบ้านโกงเมือง

(44.1)
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
มีพ่อชื่อนายอรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ
เป็นกรรมการบริษัท ซีพีเอฟ ฯ ในเครือซีพี บริษัทแม่ของธุรกิจสัมปทานกับรัฐ
มีอาชื่อนายวิทยา เวชชาชีวะ
เป็นกรรมการบริษัท ทรู ฯ ซึ่งเป็นคู่สัญญาสัมปทานโทรศัพท์ และโทรศัพท์มือถือ ของรัฐ
มีลุงชื่อนายประพันธ์พงศ์ เวชชาชีวะ
เป็นกรรมการบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ซึ่งเป็นคู่สัญญากับ BTS
ในการต่อสัมปทานรถไฟฟ้าไปอีก 30 ปี
โดยที่สัมปทานยังไม่หมดอายุ ยังเหลืออยู่อีก 17 ปี

นายชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
มีน้องชายชื่อนายระลึก หลีกภัย หลบหนีคดีทุจริตธนาคารกสิกรไทย จนหมดอายุความ

นายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
มีลูกชายชื่อนายณัฎฐ์ บรรทัดฐาน เป็น สส. พรรคประชาธิปัตย์ ถูกถ่ายรูป ขณะดูรูปโป๊ในระหว่างประชุมสภา
พรรคประชาธิปัตย์เอารูปที่ถูกถ่ายมาชี้แจง โดยรูปต่างไปจากรูปเดิมที่นิ้วหัวแม่มือยืดยาวออกไปกดปุ่มปิดโทรศัพท์

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์
มีลูกชื่อนายแทน เทือกสุบรรณ ถูกฟ้องในคดีทุจริตครอบครองที่ดินเขาแพง

นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
มีพ่อชื่อนายไกรศรี จาติกวณิช ถูกไล่ออกจากราชการตำแหน่งอธิบดีกรมศุลกากร
ในความผิดทุจริตภาษีรถยนต์นำเข้าจากต่างประเทศ

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์
มีพ่อชื่อนายมานะศักดิ์ อินทรโกมาลย์สุต
ถูกไล่ออกจากราชการตำแหน่งกรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์
ในความผิดทุจริตต่อหน้าที่

นายศิริโชค โสภา สส. พรรคประชาธิปัตย์
มีแม่ชื่อนางเสาวรส โสภา ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีฉ้อโกงเช็ค

นายเทพไท เสนพงศ์ สส. พรรคประชาธิปัตย์
มีพี่ชายชื่อนายเชาน์วัศ เสนพงศ์ ถูกลงโทษจากการทุจริตเลือกตั้งซื้อเสียง

นายอรรถวิชญ์ สุวรรณภักดี สส. พรรคประชาธิปัตย์
มีแม่ชื่อนางภคินี สุวรรณภักดี หลบหนีคดีทุจริตธนาคารมหานคร 4,100 ล้านบาท จนหมดอายุความ

พรรคประชาธิปัตย์ให้การสนับสนุนต่างๆ แก่ม็อบแอบอ้างเสื้อเหลือง
กล่าวโทษ ทักษิณ ชินวัตร ว่า โกงทั้งโ-ค-ต-ร
โดยที่กระบวนการดำเนินคดี โดยคณะรัฐประหาร แต่งตั้งจากผู้เป็นปรปักษ์ของทักษิณ
ให้ยึดทรัพย์ทักษิณ ถือว่าหุ้นจำนวนส่วนนั้นเป็นของทักษิณ ไม่เป็นของลูกทักษิณ
ให้ปรับเงินลูกทักษิณ ถือว่าหุ้นจำนวนส่วนนั้นเป็นของลูกทักษิณ ไม่เป็นของทักษิณ

 (44.2)
นโยบายแจกที่ดิน สปก. ให้ชาวบ้านยากจนได้มีที่ทำกิน
แต่คนในพรรคประชาธิปัตย์จำนวนมากได้รับคนละหลายสิบไร่ไปจนถึงเกือบร้อยไร่

นโยบายไทยเข้มแข็งของพรรคประชาธิปัตย์
กู้เงินสำหรับใช้ในโครงการด้วยงบกว่า 80,000 ล้านบาท
จัดซื้ออุปกรณ์ชุมชนต่างๆ
จัดซื้อครุภัณฑ์ต่างๆ
จัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ต่างๆ
ที่ไม่มีผู้รับใด ร้องขอหรือต้องการหรือใช้งาน
โดยที่ราคาจัดซื้อต่างๆ สูงอย่างน่าผิดปกติอย่างยิ่ง

รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ขายทรัพย์สิน ปรส.
ที่มีมูลค่า 851,000 ล้านบาท ให้แก่ต่างชาติ ในราคา 190,000 ล้านบาท
โดยออกกฎระเบียบไม่ให้เจ้าของคนไทยซื้อ
อ้างว่าเพื่อไม่ให้เสียนิสัยจากการทำขาดทุนแล้วซื้อคืนได้ในราคาแสนต่ำที่ต่างชาติซื้อได้เช่นนั้น
ทั้งที่เจ้าของคนไทยไม่ได้ทำขาดทุนเอง
แต่เป็นผลมาจากช่องโหว่ของนโยบายเสรีทางการเงินของพรรคประชาธิปัตย์
ที่เปิดเสรีแต่ตรึงค่าเงินบาท ทำให้มีผู้เข้าไปติดกับดักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนยากจะแก้ไขโดยไม่เสียหาย
และกำหนดเงื่อนไขที่ทำให้คนไทยทั่วไปในเวลาวิกฤติเช่นนั้นยากที่จะซื้อได้
โดยขายรวมหลายกิจการเข้าด้วยกัน ต้องใช้เงินจำนวนมาก
ผู้ประกอบการต่างๆ ไม่สะดวกจะซื้อกิจการที่ไม่อยู่ในแนวธุรกิจของตน

น้ำมันปาล์มขาดตลาด
รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์อนุมัติจ่ายชดเชยให้ผู้ประกอบการ
แต่ยังคงจำหน่ายน้ำมันปาล์มในราคาสูงมากกว่าราคาก่อนขาดตลาด
ทั้งนี้ครอบครัวของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนั้น
เป็นผู้ประกอบการธุรกิจน้ำมันปาล์มรายใหญ่ที่สุดของประเทศ
ซึ่งเหตุการณ์สินค้าขาดตลาด น่าจะมีการลักลอบกักตุนให้ขาดแคลน แล้วจำหน่ายในราคาสูง
เกิดขึ้นเป็นปกติธรรมดาเสมอๆ ในอดีตตลอดมา
แต่หายไปเป็นระยะเวลานานเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เป็นรัฐบาล
และกลับมาเกิดขึ้นอีกเมื่อพรรคประชาธิปัตย์กลับเข้ามาครองอำนาจเป็นรัฐบาลหลังการรัฐประหาร 2549

เสาโฮปเวลล์ ริมทางรถไฟในกรุงเทพ
จากการที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์บอกเลิกสัญญาโครงการทางรถไฟยกระดับโฮปเวลส์
ในเวลาต่อมา รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ จ่ายชดเชยให้โครงการโฮปเวลล์ 11,888.75 ล้านบาท
ประกอบด้วย
เงินค่าตอบแทนจากการใช้ประโยชน์ที่ดินที่บริษัทชำระไปแล้ว 2,850 ล้านบาท
เงินค่าออกหนังสือค้ำประกัน 38,749,800 บาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี และคืนหนังสือค้ำประกันมูลค่า 500 ล้านบาท
เงินค่าก่อสร้าง 9,000 ล้านบาท

ณ เดือนมกราคม 2556 ที่ซึ่งเงิน 30-40 บาท ใช้ซื้อก๋วยเตี๋ยวได้ 1 ชาม (ราคาก๋วยเตี๋ยวอยู่ระหว่างชามละ 30-40 บาท)
จำนวนเงินค่าก่อสร้าง 9,000 ล้านบาท น่าจะใช้สร้างอาคารใบหยกสอง ที่สูงที่สุดในประเทศไทยได้ไม่น้อยกว่า 3 อาคาร
(ไม่รวมค่าที่ดิน ระบบสาธารณูปโภค ไฟฟ้า สุขาภิบาล ปรับอากาศ สื่อสาร ลิฟต์ บันไดเลื่อน และงานตกแต่ง)

ณ วันที่บอกเลิกสัญญา ที่ซึ่งเงิน 30-40 บาท น่าจะใช้ซื้อก๋วยเตี๋ยวได้ 2 ชาม (ราคาก๋วยเตี๋ยวน่าจะอยู่ระหว่างชามละ 15-20 บาท)
จำนวนเงิน 9,000 ล้านบาท น่าจะใช้สร้างอาคารใบหยกสอง ที่สูงที่สุดในประเทศไทยได้กี่อาคาร ?
(ไม่รวมค่าที่ดิน ระบบสาธารณูปโภค ไฟฟ้า สุขาภิบาล ปรับอากาศ สื่อสาร ลิฟต์ บันไดเลื่อน และงานตกแต่ง)

อาคารใบหยกสอง ที่สูงที่สุดของประเทศไทย
เทียบกับซากเสาโฮปเวลล์ ริมทางรถไฟในกรุงเทพ
เป็นอย่างไร ?

รับประกันราคาข้าว
ท่ามกลางกระแสเชี่ยวกรากโหมประโคมอย่างหนักโดยพรรคประชาธิปัตย์และนักวิชาการบางคนรวมถึงสื่อบางแห่ง
ว่าการรับจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์พรรคเพื่อไทยนั้นจะขาดทุนมหาศาล
ข้อเท็จจริง คือ
การรับประกันราคาข้าวของพรรคประชาธิปัตย์ที่ผ่านมา
ขาดทุนมหาศาลประมาณปีละห้าเท่าตัวของการรับจำนำข้าวของพรรคไทยรักไทยและพลังประชาชน
การรับประกันราคาข้าวของพรรคประชาธิปัตย์
เฉลี่ยขาดทุนปีละ 56,931 ล้านบาท ในเวลา 2 ปี เป็นเงิน 113,861 ล้านบาท
การรับจำนำข้าวของรัฐบาลพรรคไทยรักไทยหรือพลังประชาชน
เฉลี่ยขาดทุนปีละ 12,646 ล้านบาท ในเวลา 5 ปี เป็นเงิน 63,232 ล้านบาท
การรับประกันราคาข้าวของพรรคประชาธิปัตย์นั้นจ่ายให้ตามจำนวนที่นา
ซึ่งไม่แน่ว่าจะมีการปลูกข้าวหรือไม่ หรือเป็นเจ้าของที่นาให้เช่าไม่ได้เป็นชาวนาหรือไม่
ส่วนชาวนาก็จะยอมให้ถูกกดราคาได้ง่ายเพราะได้รับเงินชดเชย
การที่นายทุนส่งออกข้าวสามารถซื้อข้าวจากชาวนาในราคาถูก แท้จริงคือการได้เงินฟรีๆ
จากการรับประกันราคาข้าวของพรรคประชาธิปัตย์ ใช่หรือไม่ ?
นายทุนส่งออกข้าวเกี่ยวข้องอย่างไรกับพรรคประชาธิปัตย์ หรือไม่ ?

ตั้งคณะกรรมการ
เมื่อเกิดเรื่องอื้อฉาวของพรรคประชาธิปัตย์
พรรคประชาธิปัตย์จะตั้งคณะกรรมการพิจารณาตรวจสอบ
ค่าตอบแทนของคณะกรรมการที่พรรคประชาธิปัตย์ตั้งนั้นเป็นจำนวนไม่น้อย
มีเรื่องอื้อฉาวใดบ้างของพรรคประชาธิปัตย์ที่ไม่เงียบหายไปพร้อมค่าตอบแทนคณะกรรมการ ?

การตั้งคณะกรรมการ
แท้จริงเป็นการแทงซ้ำอีกดอกหนึ่ง อย่างแนบเนียน
ต่อจากการกระทำที่หลุดรอดการปกปิด กลายเป็นเรื่องอื้อฉาวของพรรคประชาธิปัตย์
หรือไม่ ?

เซ็นสัญญารถไฟฟ้า
รัฐบาลพรรคไทยรักไทยและพลังประชาชนดำเนินโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย
จนแล้วเสร็จทุกอย่างเหลือเพียงเซ็นสัญญาก่อสร้าง
ก่อนจะถูกรัฐประหารและยุบพรรค

รัฐบาลอภิสิทธิ์พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นผู้เซ็นสัญญาก่อสร้าง
มีนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม
รับผิดชอบงานรถไฟฟ้าในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์
นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ถูกยึดทรัพย์จากการที่ไม่สามารถชี้แจงที่มาของทรัพย์สินได้
หลังจากที่มีโจรปล้นกระสอบเงินสดไปเกือบยี่สิบล้านบาท
แล้วโจรแจ้งต่อตำรวจว่ายังมีเงินสดเหลืออีกจำนวนมากหลายเท่า
เก็บเอาไว้อยู่ในบ้านของนายสุพจน์

เงินคงคลัง
สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์เก็บภาษีจากประชาชนมาเก็บไว้โดยไม่ใช้ประโยชน์
เป็นเงินคงคลัง 301,044 ล้านบาท
แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์กลับกู้เงินมาใช้
ใครได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยเงินกู้จำนวนมหาศาลนี้ ?

GT 200 (เครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด ยาเสพติด และอื่นๆ)
ในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์
นายสุเทพ ดวงจินดา สส. พรรคประชาธิปัตย์
เป็น Director บริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด ตัวแทนจำหน่าย GT 200
ราคาเครื่องละ 900,000-950,000 บาท จำนวน 466 เครื่อง
เป็นเงิน 419.5 ล้านบาท
ก่อนรัฐบาลอภิสิทธิ์
รัฐบาลสุรยุทธิ์ ซื้อในราคา เครื่องละ 70,000 บาท จำนวน 500 เครื่อง
ก่อนรัฐประหารและก่อนรัฐบาลสุรยุทธิ์
รัฐบาลทักษิณซื้อมาทดลองใช้ราคาเครื่องละ 40,000 บาท จำนวน 4 เครื่อง
แล้วยกเลิก
จากการทดลองโดยห้องหว้ากอ เว็บบอร์ดพันทิป
ร่วมกับอาจารย์มหาวิทยาลัย และตัวแทนทหาร และสื่อมวลชน
พบว่า การใช้เครื่องมือ GT 200 มีความถูกต้องไม่ถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์
ในทางสถิติ การใช้เหรียญโยนหัวก้อยเสี่ยงทาย มีความถูกต้องมากกว่าการใช้เครื่องมือ GT 200

ไม่ให้ดำเนินคดีภาษีบุหรี่ต่างประเทศ อ้างว่าจะขัดระเบียบองค์การค้าโลก
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐตั้งคำถามว่ามีความจำเป็นอะไรที่ผู้ใกล้ชิดของอภิสิทธิ์ ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีหลังการรัฐประหาร
เข้าไปวุ่นวายกับอัยการในการดำเนินคดีบริษัทบุหรี่ต่างประเทศเลี่ยงภาษี จนอัยการสั่งไม่ฟ้องคดี
ทำไมไม่ให้อัยการดำเนินการไปตามหน้าที่ตามปกติไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยว
บริษัทนี้เคยถูกดำเนินคดีแจ้งราคาเป็นเท็จ
มีผลให้ภาษีที่คิดจากราคาต้นทุนนำเข้าน้อยกว่าที่ควร
ต้องจ่ายค่าปรับไปแล้วถึง 700 ล้านบาท
แจ้งราคานำเข้าประเทศไทย 7.80 บาท
นำเข้ามาเลเซีย 19.95 บาท
นำเข้าสิงคโปร์ซองละ 20 บาท
บุหรี่ยี่ห้อเดียวกัน ผลิตจากบริษัทเดียวกัน
รายหนึ่งแจ้งราคานำเข้าประเทศไทยซองละ 7.80 บาท
อีกรายแจ้งราคานำเข้าประเทศไทยซองละ 27.46 บาท

จ้างต่างชาติ 69 ล้านบาท คิดนโยบายบริหารประเทศ 8 ข้อ
เป็นนโยบายที่ลอกมาทั้งหมด
ยกเว้นนโยบายข้อที่ 9 รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์สามารถคิดได้เอง ไม่ได้จ้าง ไม่ได้ลอก
คือ ให้ชั่งไข่ขาย

พรรคประชาธิปัตย์จัดงานเลี้ยงโต๊ะจีน เก็บเงินได้มากกว่า 600 ล้านบาท
แท้จริงเป็นการบังหน้าค่ารีดไถและสินบนหรือไม่ ?

รัฐมนตรีคลังพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางไปต่างประเทศเพื่อพิจารณาหาข้อมูลการจะซื้อดาวเทียมไทยคมคืน
รัฐมนตรีคลังแต่งตั้งมาจากผู้ที่เคยเป็นผู้บริหารบริษัทนายหน้าค้าหุ้น
ที่น่าจะเข้าใจวิธีการหลอกลวงของกลุ่มผู้ทุจริตปั่นหุ้นเป็นอย่างดี
เช่น วิธีการสร้าง Story

สื่อเสนอข่าวว่ารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์จะให้สัมปทานหวยออนไลน์ แล้วมีข่าวยกเลิก
ราคาหุ้นในตลาดบางตัวถีบตัวขึ้นแล้วรูดกราวลง
กลุ่มธุรกิจหวยออนไลน์มีสัมพันธ์เป็นเครือญาติบางคนในรัฐบาลหรือไม่ ?

รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์จ่ายปีละ 2,000 ล้านบาท ให้สถานีทีวี TPBS
โดยที่สถานีทีวีอื่นๆ จ่ายให้รัฐ
แต่รัฐจ่ายให้สถานีทีวี TPBS
โดยอ้างว่า TPBS ไม่มีโฆษณา

รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์แจกเงินฟรี 2,000 บาทแก่ผู้มีรายได้ประจำ รวมกว่า 20,000 ล้านบาท
โดยจ่ายเป็นเช็คที่ต้องมีค่าธรรมเนียมออกเช็คของธนาคารแห่งหนึ่ง

รัฐบาลอภิสิทธิ์พรรคประชาธิปัตย์ใช้จ่ายเงินน้ำท่วม 45,750 ล้านบาท เหลือเพียง 3,500 ล้านบาท
โดยบอกว่าน้ำท่วมเป็นเหตุธรรมชาติ ให้ทำใจ
สื่อช่องสามโดยนายสรยุทธ์ต้องนำหน้าและเป็นหลักในการช่วยผู้ประสบอุทกภัยแทนรัฐบาล

เมื่อแพ้เลือกตั้งอย่างถล่มทลาย
พรรคประชาธิปัตย์ข่มขู่จะยื่นถอดถอนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่ชนะเลือกตั้ง
หากรัฐบาลยิ่งลักษณ์เข้าปฏิบัติหน้าที่ก่อนแถลงนโยบายต่อสภา
จนกระทั่งระดับน้ำกักเก็บในเขื่อนสำคัญถึงระดับสูงสุดในวันแถลงนโยบายเสร็จสิ้น
ซึ่งความจำเป็นต้องระบายน้ำออกจากเขื่อนเมื่อฝนตก
เป็นสาเหตุน้ำท่วมร้ายแรงที่สุดของประเทศ

มีใครวางยาให้น้ำท่วมยิ่งกว่าที่ควรจะเป็นตามธรรมชาติ
จนวิกฤติสาหัสเกือบทั้งประเทศ หรือไม่ ?

ผลการเลือกตั้ง สส. ในเขตกรุงเทพมหานคร สองครั้ง
แตกต่างตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
กับผลสำรวจที่มีความแม่นยำสูงโดย Exit Poll
ของทุกสำนัก ทุกสถาบันของประเทศ
จากที่พรรคประชาธิปัตย์แพ้เลือกตั้งเกือบทุกเขต
กลายเป็นพรรคประชาธิปัตย์ชนะเลือกตั้งเกือบทุกเขต
พิกลหรือไม่ ?

ต่ออายุสัมปทานรถไฟฟ้าบีทีเอส โดยที่สัมปทานยังไม่หมดอายุ เหลืออีก 17 ปี
ลุงและอาของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
เป็นกรรมการบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ที่เป็นคู่สัญญา


กล่องเปล่ากล้องวงจรปิด
ผู้บริหาร กทม. ของพรรคประชาธิปัตย์
ชี้แจงว่าราคากล้องวงจรปิดสูงกว่ากล้องวงจรปิดทั่วไป 20 เท่า
เนื่องจากเป็นกล้องที่มีสเปกสูงคือมีคุณสมบัติในการใช้งานสูงกว่ากล้องทั่วไป

โดยที่หลังจากประกาศว่าติดตั้งครบ 10,000 กล้องแล้ว
มีประชาชนถ่ายรูปมาลงเว็บบอร์ดพันทิป และค้นพบกันต่อๆมาว่า
เป็นกล่องเปล่าติดตั้งตามสถานที่ต่างๆเป็นจำนวนมาก
ไม่มีทั้งกล้องจริงหรือแม้แต่กล้องหุ่นหลอกโจร แต่อย่างใด
งบประมาณที่ใช้เป็นเงิน 2,031,000,000 บาท (สองพันกว่าล้านบาท)
เฉลี่ยราคากล้องละ 203,100 บาท โดยที่ราคากล้องโดยทั่วไปไม่ถึง 10,000 บาท
จากข้อมูลของ Nectec วันที่ 12 ตุลาคม 2553
กล้องวงจรปิดจำนวน 316 กล้อง บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิและดินแดง
ใช้งานเพียง 69 กล้อง

โครงการจัดระบบทะเบียนและบัตรประชาชนแบบใหม่ งบ 3,490 ล้านบาท
ผลการพิจารณาของ กพค.
การย้ายนายวงศ์ศักด์ สวัสดิ์พาณิชย์ อธิบดีกรมการปกครอง
โดยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์
เป็นการดำเนินการมิชอบด้วยกฎหมาย
รับฟังได้ตามข้อร้องทุกข์ของนายวงศ์ศักดิ์
ว่าเป็นเพราะไม่ยอมตามการแก้ไข TOR ที่ส่อทุจริต เอื้อประโยชน์ผู้รับจ้างบางราย

อุโมงค์ยักษ์ระบายน้ำ
พรรคประชาธิปัตย์จัดงานแถลงเปิดใช้งานอุโมงค์ยักษ์ระบายน้ำ
และทำป้ายประชาสัมพันธ์อุโมงค์ยักษ์ระบายน้ำไปทั่วกรุงเทพมหานคร
ประชาชนจำนวนมากน่าจะเข้าใจว่าอุโมงค์ยักษ์ระบายน้ำ
ที่พรรคประชาธิปัตย์จัดงานแถลงเปิดใช้และทำป้ายประชาสัมพันธ์นั้น
เป็นผลงานของพรรคประชาธิปัตย์
อุโมงค์ยักษ์ระบายน้ำที่พรรคประชาธิปัตย์จัดงานแถลงเปิดใช้เมื่อประมาณต้นปี 2554 นั้น
เป็นผลงานที่เริ่มโครงการในสมัยนายสมัคร สุนทรเวช เป็นผู้ว่า กทม.


 (44.3)
Corruption Peception Index (CPI)

CPI เป็นค่าที่สำรวจตรวจสอบการคอรัปชั่นในประเทศต่างๆ
โดยองค์กร Transparency International สนับสนุนโดย UN

ประเทศที่มี CPI ต่ำจะมีความสุจริตต่ำ มีการทุจริตมาก
ทุกครั้งที่พรรคประชาธิปัตย์เข้าครองอำนาจเป็นรัฐบาล CPI จะตกต่ำลงเสมอ
และทุกครั้งที่พรรคประชาธิปัตย์หลุดจากอำนาจไม่ได้เป็นรัฐบาล CPI จะสูงขึ้นเสมอ
ถ้าเอาตัวเลข CPI เป็นเกณฑ์
ยุคสมัยรัฐบาลชวนพรรคประชาธิปัตย์ คดโกงที่สุด
ยุคสมัยรัฐบาลทักษิณพรรคไทยรักไทย ซื่อสัตย์ที่สุด

แหล่งข้อมูลทั้งหมดที่ใช้ในการประเมิน CPI

(ก) แหล่งข้อมูลที่มาจากนักวิเคราะห์ความเสี่ยงหรือผู้ชำนาญจากองค์การระหว่างประเทศมี 13 แห่งประกอบด้วย

(1) การจัดอันดับธรรมาภิบาลของธนาคารพัฒนาแอฟริกา (AFDB)

(2) การประเมินผลงานรายประเทศของธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB)

(3) ดัชนีธรรมาภิบาลด้านความยั่งยืนของมูลนิธิเบอร์เทลสแมนน์ (BF_SGI)

(4) ดัชนีการปฏิรูปของมูลนิธิเบอร์เทลสแมนน์ (BF_TI)

(5) การประเมินความเสี่ยงรายประเทศของอีโคโนมิสต์ อินเทลลิเจนซ์ ยูนิต (EIU_CRR)

(6) รายงานการปฏิรูปรายประเทศของฟรีดอม เฮ้าส์ : Freedom House Nations in Transit (FH_NIT)

(7) การจัดอันดับความเสี่ยงรายประเทศของโกลบอล อินไซต์ : Global Insight Country Risk Ratings (GI_CRR)

(8) รายงานความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและการเมืองประจำปี ของเอเชียน อินเทลลิเจนซ์ : Political and Economic Risk Consultancy Asian Intelligence 2011

(9) รายงานความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและการเมืองประจำปี ของเอเชียน อินเทลลิเจนซ์ : Political and Economic Risk Consultancy Asian Intelligence 2012

(10) รายงานทิศทางความเสี่ยงรายประเทศของโพลิติคัล ริสค์ เซอร์วิสเซส : Political Risk Services International Country Risk Guide (PRS_ICRG)

(11) ผลการจัดอันดับสินบนขององค์กรเพื่อความโปร่งใสสากล :Transparency International Bribe Payers Survey (TI_BPI)

(12) การประเมินผลงานรายประเทศและศักยภาพของสถาบัน : World Bank – Country Performance and Institutional Assessment (WB_CPIA)

(13) ดัชนีเปรียบเทียบหลักนิติรัฐของเวิลด์ จัสติส โปรเจ็กต์ : World Justice Project Rule of Law Index (WJP_ROL)


(ข.) แหล่งข้อมูลที่เป็นผลสำรวจจากภาคธุรกิจมี 4 แห่งประกอบด้วย

(1) IMD World Competitiveness Year Book 2011 (IMD2011)

(2) IMD World Competitiveness Yearbook 2012 (IMD2012)

(3) World Economic Forum Executive Opinion Survey (EOS) 2011 (WEF2011)

(4) World Economic Forum Executive Opinion Survey (EOS) 2012 (WEF2012) 



 (44.4)
พรรคไทยรักไทยและผู้สืบทอด
เปลี่ยนแปลงการเมืองไทย อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

คือ การพยายามทำตามนโยบายที่ประกาศหาเสียงไว้
ให้ได้ผลสำเร็จมากที่สุด และประสบผลสำเร็จเป็นส่วนใหญ่อย่างงดงาม

(44.4.1)
ธนาคารโลกยกระดับฐานะประเทศไทย
จากผลสำเร็จทางเศรษฐกิจ
พิสูจน์วัดเป็นตัวเลขทางเศรษฐกิจทุกด้าน
เปรียบได้กับต้นไม้ที่ค่อยๆเจริญงอกงามขึ้นๆ
ในทุกๆ ปี

เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ
เพิ่มขึ้นในทุกๆ ปีตั้งแต่รัฐบาลไทยรักไทยบริหารประเทศ
จนเป็นอันดับที่ 13 ของโลกในสมัยรัฐบาลสมชาย
และคงอันดับที่ 13 ของโลกมาโดยตลอดจนปัจจุบัน
ดังนี้
33,048 ล้านดอลลาร์ ในปี 2544
38,924 ล้านดอลลาร์ ในปี 2545
42,148 ล้านดอลลาร์ ในปี 2546
49,832 ล้านดอลลาร์ ในปี 2547
52,066 ล้านดอลลาร์ ในปี 2548
66,985 ล้านดอลลาร์ ในปี 2549
87,455 ล้านดอลลาร์ ในปี 2550
111,008 ล้านดอลลาร์ในปี 2551
(เป็นอันดับที่ 13 ของโลกในสมัยรัฐบาลสมชาย)
138,418 ล้านดอลลาร์ ในปี 2552
172,129 ล้านดอลลาร์ ในปี 2553
(คงอันดับที่ 13 ของโลกมาโดยตลอด)

GDP Growth Rate
(อัตราการเติบโตของ ผลิตภัณฑ์ในประเทศเบื้องต้นซึ่งเป็นประเภทหนึ่งของรายได้ประชาชาติ)
เพิ่มขึ้นในทุกๆ ปีตั้งแต่รัฐบาลไทยรักไทยบริหารประเทศ
จนสูงสุดในปี 2546 มีผลให้ค่า GDPของประเทศไทยเป็นอันดับโลกที่ 31
แต่เริ่มเปลี่ยนเป็นอัตราลดลง เมื่อเกิดการก่อกวนความสงบ จนกระทั่งแย่งชิงอำนาจการเมือง
เปลี่ยนเป็นลดลงทุกๆปีอย่างต่อเนื่องหลังจากการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549
มีค่าติดลบในปี 2552 ในช่วงรัฐบาลอภิสิทธิ์บริหารประเทศ
โดยที่ในปีต่อมา 2553 มีการพยายามหลอกลวงโดยบางสื่อ ว่าอัตราการเติบโตของ GDP พุ่ง
ให้เข้าใจสถานะเศรษฐกิจของประเทศผิดเพี้ยน ว่าเศรษฐกิจดี
แต่ประชาชนส่วนใหญ่โดยทั่วไปสัมผัสรับรู้ได้ด้วยตนเองว่าไม่ใช่
เพราะแท้จริงเป็นการพยายาม โงหัวขึ้นจากการทรุดของส่วนต่างๆ
ที่เกิดจากการพยายามดิ้นรนเอาตัวรอด
และเป็นการใช้เงินจากการเป็นหนี้มหาศาลที่ภาระหนักในดอกเบี้ยอยู่เบื้องหลัง
ดังนี้
2.2 % ในปี 2544
5.3 % ในปี 2545
7.1 % ในปี 2546
(สูงสุดในปี 2546 มีผลให้ค่า GDP ของประเทศไทยเป็นอันดับโลกที่ 31)
6.3 % ในปี 2547
4.6 % ในปี 2548
5.1 % ในปี 2549
(เปลี่ยนเป็นลดลงทุกๆปีอย่างต่อเนื่องหลังจากการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549)
4.9 % ในปี 2550
2.5 % ในปี 2551
-2.3 % ในปี 2552
(มีค่าติดลบในปี 2552 เมื่อรัฐบาลอภิสิทธิ์เข้าบริหารประเทศ)
7.8 % ในปี 2553
(เป็นการพยายาม โงหัวขึ้นจากการทรุดและดิ้นรนเอาตัวรอด และการใช้เงินมหาศาลที่กู้มา)

เปอร์เซ็นต์หนี้สาธารณะ
ลดลงในทุกๆปีตั้งแต่รัฐบาลไทยรักไทยบริหารประเทศ
หลังจากลดลงจนต่ำ ก็เปลี่ยนเป็นเพิ่มขึ้นในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์
ดังนี้
57.5 % ในปี 2544
55.1 % ในปี 2545
50.7 % ในปี 2546
49.5 % ในปี 2547
47.3 % ในปี 2548
42.0 % ในปี 2549
38.3 % ในปี 2550
37.3 % ในปี 2551
(หลังจากลดลงจนต่ำ ก็เปลี่ยนเป็นเพิ่มขึ้นในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์)
45.2 % ในปี 2552
44.1 % ในปี 2553

เงินคงคลัง
ภาษีที่เก็บมาจากประชาชน ที่ไม่ได้เอาไปใช้ จะเก็บเป็นเงินคงคลัง
สมัยรัฐบาลสมชาย ในเวลาที่ถูกรัฐบาลอภิสิทธิ์ตั้งรัฐบาลหลังจากการรัฐประหารขึ้นมาแทน
มีภาษีเก็บเป็นเงินคงคลัง 52,878 ล้านบาท
สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์เก็บภาษีจากประชาชนมาเก็บไว้โดยไม่ใช้ประโยชน์
เป็นเงินคงคลัง 301,044 ล้านบาท
แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์กลับกู้เงินมาใช้ ทำให้ต้องเสียดอกเบี้ยจำนวนมหาศาลโดยไม่จำเป็น
การกระทำเช่นนี้ของรัฐบาลอภิสิทธิ์ เป็นการไร้เดียงสาในการทำงาน หรือบริหารประเทศอย่างโง่เขลา
หรือกระทำเล่ห์เหลี่ยมฉ้อฉลจากดอกเบี้ยเงินกู้ หรือสูบเลือดประชาชนทั้งประเทศ หรือเป็นอย่างอื่นใดกันแน่ ?

(44.4.2)
ข้อมูลจากรายงานสรุปของ  IMF
จากวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 ประเทศไทยต้องขอกู้เงินจาก IMF รวมเป็นเงิน 5.7 แสนล้านบาท
ชำระเป็นจำนวน 0.64 แสนล้านบาท โดยรัฐบาลชวนในปี 2543
ส่วนที่เหลือทั้งหมดจำนวน 5.06 แสนล้านบาท  ชำระโดยรัฐบาลไทยรักไทย
ประเทศไทยชำระหนี้ IMF จนหมดในวันที่ 31 กรกฎาคม 2546

(44.4.3)
องค์การอนามัยโลกยกให้เป็นแบบอย่าง
ในผลสำเร็จด้านสวัสดิการสุขภาพ จากนโยบาย 30 บาท รักษาทุกโรค

(44.4.4)
องค์การอนามัยโลกยกย่องในประสิทธิภาพ
การจัดการโรคที่ระบาดร้ายแรงไปทั่วโลก เช่น ไข้หวัดนก

(44.4.5)
ความสัมพันธ์กับมิตรประเทศ
ทั้งเพื่อนบ้าน อาเซียน และทั่วโลก
จากการได้รับการยกย่องด้านต่างๆ
อย่างมีเกียรติยิ่งต่อบุคลากรของพรรค
เช่น รางวัล Statesman จากประเทศสาธารณอาหรับอามิเรตส์
การได้รับเชิญเป็นผู้บรรยายจากสถาบันชั้นนำของประเทศจีนและญี่ปุ่น
การได้รับการต้อนรับอย่างดียิ่งจากนานาประเทศแม้จะถูกกล่าวโทษจากอำนาจรัฐประหาร

(44.4.6)
เป็นรัฐบาลของพรรคที่ซื่อสัตย์ที่สุด
ในทุกรัฐบาลที่มีการสำรวจของประเทศไทย
ถ้าพิจารณาจากตัวเลข ดัชนี CPI ซึ่งสำรวจตรวจสอบความโปร่งใส
สนับสนุนการสำรวจโดย UN
จากองค์กรธุรกิจและสถาบันต่างๆของโลก รวม 17 แห่ง

(44.4.7)
เปลี่ยนระบบเจ้าขุนมูลนายที่ต้องเคารพกราบไหว้พินอบพิเทา
ข้าราชการกดขี่ข่มเหงรีดไถเรียกรับสินบนประชาชน
ตลอดมาจากอดีตอันยาวนาน
ถูกเปลี่ยนให้เป็นข้าราชการบริการประทับใจ รวดเร็ว ฉับไว แก่ประชาชน
ที่ปรากฏให้สัมผัสความแตกต่างเปรียบเทียบได้จริงด้วยตัวของประชาชนเอง

(44.4.8)
กวาดล้างอิทธิพลมาเฟียที่เรียกเก็บส่วยสถานบริการ บ่อน ซ่อง วินรถ วินมอเตอร์ไซค์
สถานบริการต่างๆถูกจัดระเบียบวินัย จัดระเบียบสังคม
วินรถ วินมอเตอร์ไซค์ ที่ถูกกดขี่
ต้องซื้อเสื้อวินตัวละหลายหมื่น ต้องจ่ายส่วยเป็นธรรมเนียมกิจวัตร
ถูกปลดแอก

(44.4.9)
สยบหวยใต้ดิน และสลากกินแบ่งขายเกินราคา
อย่างชงัด ด้วยหวยบนดิน
นำเงินมหาศาลที่เป็นส่วนหนึ่งของน้ำเลี้ยงความชั่วร้ายในสังคม
มาเป็นทุนการศึกษาแก่ผู้ด้อยโอกาส
เป็นประโยชน์ต่อสังคม อย่างที่จะเป็นเท่าทวีต่อๆ ไปอย่างไม่รู้จบ

(43.4.10)
ปราบปรามยาเสพติดที่แพร่ระบาดอย่างหนักจนสาบสูญแทบหมดสิ้น
รัฐบาลทักษิณปราบปรามยาเสพติดที่แพร่ระบาดอย่างหนักจนสาบสูญแทบหมดสิ้น
ที่ซึ่งกลับมาระบาดหนักอีกเมื่อพรรคการเมืองหนึ่งครองอำนาจหลังรัฐประหาร

(44.4.11)
ป้องกันน้ำท่วมอย่างเป็นระบบในระดับชาติ
ไม่ถูกปล่อยให้เป็นแต่เรื่องของ โชคชะตา ยถากรรม ภัยธรรมชาติ
อีกต่อไป

(44.4.12)
ดำเนินโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย
จนแล้วเสร็จทุกอย่างเหลือเพียงเซ็นสัญญาก่อสร้าง
ก่อนจะถูกรัฐประหารและยุบพรรค
(ซึ่งเพียงการเซ็นสัญญาของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ที่ตั้งขึ้นหลังรัฐประหาร
ก็ปรากฏความไม่เรียบร้อยขี้นจากกรณีโจรปล้นกระสอบเงินสด
ของผู้มีอำนาจเกี่ยวข้อง แล้วโจรให้การตำรวจว่า
ยังมีเงินเหลืออีกเป็นจำนวนมากมายหลายเท่า
เป็นข้อเท็จจริงที่จำเป็นต้องระบุไว้ในที่นี้
เนื่องจากมีผลต่องบประมาณของโครงการ)
ฯลฯ

 (44.5)
ตลอดอดีตอันยาวนานของประเทศไทย
ตลอดอายุของพรรคประชาธิปัตย์
(ก่อนที่ประเทศไทยจะมีพรรคไทยรักไทยและผู้สืบทอด)

ประเทศไทยเป็นประเทศที่พลเมืองเกิดมาก็เป็นหนี้แล้วทุกคน
หนี้เฉลี่ยต่อคนนั้นเพิ่มขึ้นเสมอ เมื่อเวลาผ่านไป
เด็กทารกที่เกิดมาในรุ่นต่างๆจะเกิดมาพร้อมหนี้ติดตัวที่มากขึ้นในแต่ละรุ่น ทุกคน ทุกรุ่น
ประเทศไทยเป็นประเทศยากจน ด้อยพัฒนา
เศรษฐกิจของประเทศตกต่ำ ฝืดเคือง

สินค้ามักขึ้นราคาเพราะขาดตลาด
มีการกักตุนสินค้า

ยาเสพติดแพร่ระบาด
แทรกซึมอยู่ทุกหย่อมหญ้า

รัฐวิสาหกิจต่างๆทรุดโทรม ขาดทุนสะสมดินพอกหางหมู หนี้สินรุงรัง
ซึ่งทราบความภายหลังว่ามีนายทหารยึดกุมตำแหน่งต่างๆเต็มไปหมดจนเป็นประเพณี
ดังเช่น ปตท. ในอดีต คือปั๊มสามทหาร จะมีสภาพคร่ำคร่าโดยทั่วไป ไม่จำเป็นจะไม่มีใครเลือกใช้บริการ

ข้าราชการกดขี่ประชาชน

การคอรัปชั่นเป็นสิ่งปกติธรรมดา
ต่างเอาเยี่ยงอย่างกัน แพร่ลามจากผู้มีอิทธิพลทั้งที่เปิดเผยและที่อยู่ในมุมมืด จากบนลงล่าง
เป็นรากเหง้าอันสำคัญของการโกงกินประเทศที่คงอยู่ตลอดมาจวบกระทั่งปัจจุบัน

พรรคการเมืองต่างๆ
มักไม่มีผลงานใดเป็นแก่นสาร
แทบไม่เคยหรือไม่เคยทำผลงานตามนโยบายที่บอกไว้
เมื่อถึงเวลาเลือกตั้งก็จะประกาศนโยบายพอเป็นพิธี
เลือกตั้งผ่านไปแล้วก็ผ่านไป นโยบายที่บอกไว้ก็ถูกผ่านละเลยไปเช่นกัน

ใช่หรือไม่ ?

ในความรู้สึกนึกคิดที่เป็นไป สภาพความรู้สึกนึกคิดที่เป็นอยู่ ในอดีตที่เป็นมา
สิ่งเหล่านี้เป็นความจริงเสมอ เป็นความจริงของโลก
เหมือนความจริงเสมอที่ ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก และดวงอาทิตย์ตกทางทิศตะวันตก
อย่างเป็นนิจนิรันดร์

แต่...ทั้งหมดนั้นเป็น Paradigm ของประเทศในช่วงเวลาหนึ่ง
ไม่ใช่ความจริงเสมอนิจนิรันดร์ของโลกนี้
ซึ่งขอเรียกว่า
ภาวะผีอำประเทศ


45   พวกคุณเป็นรัฐบาลที่ทุจริต คอรัปชั่น โกงบ้านโกงเมือง จนกระทั่งหัวหน้าพรรคถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุกสองปี

โทษฉกรรจ์ของทักษิณ จำคุกสองปีไม่รอลงอาญา

กระบวนการพิพากษาที่จัดตั้งขึ้นจากคณะรัฐประหาร
สั่งลงโทษทักษิณอย่างหนัก ถือเป็นความผิดร้ายแรง จำคุกสองปี ไม่รอลงอาญา
ในวันที่ 21 ตุลาคม 2550
จากการเซ็นชื่อในฐานะสามี ยินยอมให้ภรรยาที่จดทะบียนสมรสจ่ายเงินซื้อที่ดินรัชดา

เพียงถ้าคุณหญิงพจมาน ภรรยาของทักษิณ ไม่จดทะเบียนสมรส
ดังเช่น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และบุคลากรระดับสูงต่างๆ ของพรรคประชาธิปัตย์ เกือบทั้งพรรค
ทักษิณก็จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทางกฎหมาย กลายเป็นไม่มีความผิด
ไม่ต้องถูกลงโทษอย่างหนัก ถือเป็นความผิดร้ายแรง จำคุกสองปี ไม่รอลงอาญา
หรือไม่ ?
ถ้าไม่ใช่ทักษิณ แต่เป็นคนพรรคประชาธิปัตย์ จะเป็นอย่างไร ?
คดีที่ดิน สปก. ที่ดินเขายายเที่ยง เป็นอุทาหรณ์ ได้หรือไม่ ?

ที่ดินรัชดา
ซึ่งเป็นหนี้เสียจากวิกฤติเศรษฐกิจ 2540
ที่ประกาศขายอย่างเปิดเผยโดยกองทุนฟื้นฟู
โดยไม่มีใครสนใจซื้ออยู่เป็นเวลานาน เนื่องจากห้ามสร้างอาคารสูง
ที่ซึ่งกฤษฎีกาตอบข้อซักถามก่อนซื้อว่าไม่ผิดกฏหมาย
กองทุนฟื้นฟูแจ้งต่อสาธารณชนผ่านสื่อต่างๆ ว่า กองทุนฟื้นฟูได้ประโยชน์ ไม่มีความเสียหายใด
จน คตส. จากคณะรัฐประหารต้องดำเนินการให้กองทุนฟื้นฟูแจ้งเอาโทษทักษิณ
ซึ่งกองทุนฟื้นฟูก็ดำเนินการโดยระบุว่าเป็นการแจ้งตามความประสงค์ของ คตส.

มีการพยายามชวนเชื่อว่า ที่ดินควรมีราคาหลายพันล้านบาท ไม่ใช่ 772 ล้านบาท
โดยตั้งราคาประเมินขึ้นเอง และรวมเอาพื้นที่คลองและถนนสาธารณะเข้ามารวมไว้ด้วย
กองทุนฟื้นฟูซื้อมา 107 ล้านบาท ประกาศขายหลายครั้ง ไม่มีใครซื้อ
จนกระทั่งคุณหญิงพจมานสนใจ จึงมีผู้สนใจตาม
โดยได้สอบถามหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องและกฤษฎีกา ได้รับการยืนยันว่าสามารถเข้าประมูลได้
ซึ่งคุณหญิงพจมานประมูลไปในราคาสูงกว่าทุกรายคือ 772 ล้านบาท
กองทุนฟื้นฟูฯ ได้กำไร 665 ล้านบาท
ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจชาติ ไม่เกิดความเสียหายใดต่อประเทศ เปิดเผย โปร่งใส ตรงไปตรงมา
แต่จำคุกสามีผู้ซื้อ 2 ปี ฐานเป็นนายกรัฐมนตรีมีส่วนได้เสียในอำนาจที่กำกับ ควบคุม ดูแล ตรวจสอบ
โดยที่กองทุนฟื้นฟูฯ อยู่ในอำนาจกำกับ ควบคุม ดูแล ตรวจสอบ ของธนาคารแห่งประเทศไทย
ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยไม่อยู่ในอำนาจกำกับ ควบคุม ดูแล ตรวจสอบ ของนายกรัฐมนตรี

โทษจำคุกสองปี ไม่รอลงอาญา
เปรียบเทียบกับคดีต่างๆ ของผู้แอบอ้างเสื้อเหลืองที่รอลงอาญานับครั้งไม่ถ้วน
และคดีฮุบที่ดินส่วนรวม ที่ดินป่าสงวน ต่างๆ ของประเทศ ครั้งต่างๆ
เอาไปฟรีๆ ที่ไม่เคยมีใครต้องโทษ
เป็นอย่างไร ?
เกินกว่าความยุติธรรมไปหรือไม่ ?

ที่ดินรัชดาซึ่งจ่ายเงินซื้ออย่างเปิดเผย 772 ล้านบาท จากราคาต้นทุน 107 ล้านบาท
ประเทศชาติกำไร 665 ล้านบาท
ที่พรรคประชาธิปัตย์ตามล่าเอาโทษอย่างเอาเป็นเอาตายไปสุดโลกทั่วโลก
เป็นส่วนหนึ่งของเสี้ยวผงธุลีของทรัพย์สิน ปรส.
ที่พรรคประชาธิปัตย์ขายโดยกำหนดเงื่อนไขอย่างมีเงื่อนงำให้ต่างชาติ 190,000 ล้านบาท จากราคาต้นทุน 851,000  ล้านบาท
ประเทศชาติขาดทุน 661,000 ล้านบาท
อยู่ในการพิจารณาคดีขององค์กรอิสระที่ตั้งขึ้นหลังรัฐประหาร
กำลังจะเริ่มทยอยหมดอายุความในเดือน มิถุนายน 2556

มีการตัดสินให้การซื้อที่ดินของภรรยาทักษิณเป็นโมฆะ
ให้ยึดเอาที่ดินคืนจากภรรยาทักษิณ
โดย นายแก้วสรร อติโพธิ เลขาฯ คตส. ที่ตั้งขึ้นหลังรัฐประหาร
คัดค้านการคืนเงินให้ภรรยาทักษิณ

ที่ดินรัชดาถูกยึดและขายแก่ผู้อื่น ในเวลา 8 ปีต่อมา
โดยเปลี่ยนกฎระเบียบให้ใช้สร้างอาคารสูงได้
และเพิ่มที่ดินจาก 22 ไร่ เป็น 33 ไร่

ที่ดินที่ถูกยึดคืนไปถูกพยายามขายอีกครั้งในเวลาอีกหลายปีต่อมา
มีการเอาราคาขาย 1,815 ล้านบาท โจมตีกล่าวหาทักษิณอีกครั้ง
ว่าขายได้สูงกว่าที่ภรรยาทักษิณซื้อไปมากคือ 772 ล้านบาท
แต่ไม่กล่าวถึง หรือปิดบังความจริง ที่ซึ่ง
มูลค่าที่ดินเพิ่มสูงขึ้นตามเวลาที่ผ่านไป 8 ปี
โดยที่ ผู้บริหาร กทม. ของพรรคประชาธิปัตย์ แก้กฏหมายให้สร้างตึกสูงบนที่ดินนี้ได้
ทำให้เป็นที่ต้องการของนักพัฒนาที่ดิน
และที่สำคัญได้มีการเอาพื้นที่ของที่ดินข้างเคียงรวมเข้าไปเป็นพื้นที่มากกว่าเดิม จาก 22 ไร่ เป็น 33 ไร่
แล้วขายไปในราคาสูงกว่าเดิม คือ 1,815 ล้านบาท




46   พวกคุณเป็นรัฐบาลที่ทุจริต คอรัปชั่น โกงบ้านโกงเมือง จนกระทั่งหัวหน้าพรรคถูกศาลพิพากษาลงโทษยึดทรัพย์

(46.1)
กระบวนการดำเนินคดียึดทรัพย์ทักษิณจัดตั้งโดยคณะรัฐประหาร
แต่งตั้งผู้เป็นปรปักษ์ของทักษิณเข้าดำเนินการ
ให้ยึดทรัพย์ทักษิณจากการพิจารณา
มูลค่าหุ้นของครอบครัวชินวัตรก่อนทักษิณเข้าสู่วงการเมือง
เทียบกับมูลค่าหุ้นของครอบครัวชินวัตรหลังจากขายหุ้นทั้งหมดเพื่อลบข้อครหา
เพื่อลบข้อครหาครอบครัวของนายกรัฐมนตรีประกอบอาชีพ ทำธุรกิจ

ที่ซึ่ง
บุคคลปกติทั่วไปย่อมต้อง ประกอบอาชีพ ทำธุรกิจ มีทรัพย์สิน มีครอบครัว มีญาติมิตร
อำนาจการเมืองของบุคคลใด
ย่อมต้องมีผล ต่ออาชีพ ต่อธุรกิจ ต่อทรัพย์สิน ต่อครอบครัว ต่อญาติมิตร ของบุคคลนั้น
ยกเว้นแต่ผู้ ไม่ทำอะไรเท่านั้น แต่ก็จะ ไร้ผลงานคุณประโยชน์อันใด
หากจะเชื่อคำกล่าวหา กล่าวโทษ ของบางพรรคการเมืองต่อผู้อื่น ว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่ให้บริหารบ้านเมือง
คนปกติทุกคนบนโลกนี้ต้องเป็นเหยื่อข้อกล่าวหานี้จนหมดสิ้น ยกเว้น
ต้องเอาผู้ ไม่ทำอะไรเท่านั้น ให้บริหารบ้านเมือง
ซึ่งแท้จริงก็ได้แต่เพียง ไม่ทำอะไรให้ดูขาวสะอาด เป็น หุ่นเชิดหรือ บังหน้าพรรคพวกเบื้องหลัง
หากจะยินยอมให้โอกาสผู้มีศักยภาพ ได้เข้ามาบริหารบ้านเมือง
สร้างประโยชน์แก่ประเทศชาติ โดยผู้บริหารได้ประโยชน์ด้วย ไม่ก่อโทษใดแก่ประเทศ
จำกัดไม่เกินสองสมัยหรือแปดปี
อาจเป็นกรณีอันน่าพึงปรารถนาให้เข้ามาบริหารบ้านเมืองอย่างที่สุดกว่ากรณีใด
อาจทำให้ผู้มีศักยภาพอยากเข้ามาสร้างประโยชน์แก่ประเทศ
อาจทำให้ผู้มีศักยภาพเสนอตนหรือฟันฝ่าการกีดกัน เข้ามาสร้างประโยชน์แก่ประเทศ
อาจดีกว่าพวกไม่ทำอะไรให้ดูขาวสะอาด เป็น หุ่นเชิดหรือ บังหน้าพรรคพวกเบื้องหลัง
ที่ได้ประโยชน์จากการกัดกินประเทศ
จะเอาผู้มีผลประโยชน์ทับซ้อน เสริมกันกับประเทศ ได้ประโยชน์จากการสร้างประโยชน์ให้ประเทศ
หรือจะเอาผู้ ไม่ทำอะไรให้ดูขาวสะอาด บังหน้าพรรคพวกเบื้องหลัง
มีผลประโยชน์ทับซ้อน ขัดกันกับประเทศ ได้ประโยชน์จากการสร้างความเสียหายให้ประเทศ
ถึงเวลาที่ประเทศจะพ้นจาก ภาวะผีอำประเทศอย่างนี้ หรือยัง ?

ทักษิณ ชินวัตร เป็นนักธุรกิจของไทยที่ประสบความสำเร็จทางธุรกิจ
มีชื่อเสียงติดอันดับมหาเศรษฐีของโลก ก่อนเข้าสู่วงการเมือง

การประกอบธุรกิจต่างๆของคนไทย คนร่วมชาติของเราเอง ที่ประสบความสำเร็จ
เป็นการก่อประโยชน์ให้แก่คนไทยและสังคมประเทศไทย
ที่ประชาชนชาวไทยทั้งหลายทั้งปวง ควรปรบมือชื่นชมสนับสนุนส่งเสริม
กลับถูกยุยงปลุกปั่นล้างสมอง
ให้โห่ไล่รังเกียจเหยียบย่ำทำลายคนในชาติด้วยกันเอง
ไม่ให้สร้างสรรสิ่งดีๆ ให้แก่ประเทศของตน

ใครครอบงำคนไทยและประเทศไทยให้เป็นแนวทางเยี่ยงอย่างเช่นนี้ ?

(46.2)
จากคดีต่างๆ ของทักษิณ
คตส. ที่แต่งตั้งจากคณะรัฐประหาร พิจารณาให้ดำเนินการ
ยึดทรัพย์ทักษิณ เพราะถือว่าหุ้นจำนวนส่วนนั้น เป็นของทักษิณ ไม่เป็นของลูกทักษิณ
ปรับเงินลูกทักษิณ เพราะถือว่าหุ้นจำนวนส่วนนั้นเป็นของลูกทักษิณ ไม่เป็นของทักษิณ

ยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาทโดยพิจารณาว่า
มูลค่าหุ้นทั้งหมดของเครือชินวัตรก่อนทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีเท่ากับ 3 หมื่นล้านบาท
มูลค่าหุ้นทั้งหมดของเครือชินวัตรที่ขายไปให้แก่กลุ่มเทมาเสกเท่ากับ 7.6 หมื่นล้านบาท
ถือว่าจากคดีต่างๆ ของทักษิณ ทำให้มูลค่าของหุ้นเครือชินคอร์ปเพิ่มขึ้น 4.6 หมื่นล้านบาท
เป็นสิ่งมิควรได้ (ไม่ได้ระบุว่าทุจริต) พิพากษายึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาท

โดยที่ คตส. ที่ตั้งขึ้นจากคณะรัฐประหารมาดำเนินการสอบสวน
เห็นว่าควรยึดทั้งหมด 7.6 หมื่นล้านบาท โดยทฤษฏีวัวกินหญ้า จึงยึดวัวทั้งตัว
ซึ่ง คตส. ออกระเบียบจ่ายสินบน  25 % ของทรัพย์ที่ยึดแก่ผู้แจ้งเบาะแสเป็นประโยชน์
แต่ถูกเปิดโปงและถูกวิจารณ์อย่างหนักในเว็บบอร์ดจนถูกจับตามอง
ว่าจะมีผู้เป็นหน้าม้า มารับสินบน แล้วเอาไปแอบแบ่งกันเองหรือไม่ ?

มูลค่าหุ้นของเครือชินคอร์ปเพิ่มขึ้น 2.6 เท่า จาก 3 หมื่นล้านบาทเป็น 7.6 หมื่นล้านบาท
หากเปรียบเทียบกับบริษัทอื่นๆ ในตลาดหลักทรัพย์ในช่วงเวลาเดียวกัน
จากวันที่ก่อนเข้าเป็นรัฐบาล 8 กุมภาพันธ์ 2544
ถึงวันที่ขายหุ้นทั้งหมดของเครือชินวัตร 23 มกราคม 2549
กลุ่มธุรกิจต่างๆในตลาดหลักทรัพย์ หลังจากทักษิณ ชินวัตร เข้าบริหารประเทศ
มูลค่าธุรกิจต่างเติบโตขึ้น 2 ถึง 6 เท่า เป็นส่วนใหญ่ จากราคาหุ้นที่เพิ่มสูงขึ้น
มูลค่าธุรกิจของกลุ่มปูนซีเมนต์ไทย กลุ่ม ปตท. กลุ่ม ทีพีไอ กลุ่มแลนด์แอนด์เฮ้าส์ เติบโตขึ้น 5-6 เท่า
ทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นเป็นเจ็ดหมื่นกว่าล้านบาทของกลุ่มชินวัตรเป็นเรื่องปกติ
และไม่ได้เพิ่มขึ้นมากมายแต่อย่างใดเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่นๆ

เมื่อเศรษฐกิจของประเทศแข็งแกร่ง เป็นส่วนหนึ่ง
ร่วมกับการประกอบการของธุรกิจนั้นเองในเวลาประมาณ 5 ปี เป็นอีกส่วนหนึ่ง
และอื่นๆ เช่น ผลจากการลงทุนของนักลงทุนและกองทุนต่างๆ จากทั่วโลก
ที่ทำให้มูลค่าธุรกิจต่างๆ ของประเทศในตลาดหลักทรัพย์เพิ่มสูงขึ้น
รวมถึงมูลค่าธุรกิจของครอบครัวชินวัตร
การยึดทรัพย์ทักษิณแท้จริงเป็นการยุติธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้ง
หรือเป็นการโค่นล้มทางการเมือง หรือเป็นการปล้นทักษิณ
หรือเป็นอย่างอื่นใดกันแน่ ?

 (46.3)
คดีโทรศัพท์มือถือ

ถูกกล่าวหาว่า รัฐบาลทักษิณเอื้อประโยชน์ให้เครือชินวัตร

กรณีลดอัตราค่าตอบแทนให้รัฐ และลดอัตราค่าใช้โทรศัพท์มือถือทุกค่ายลง
เปลี่ยนจากจ่ายรายเดือนเป็นใช้บัตรเติมเงิน และใช้โครงข่ายร่วม
ลดอัตราค่าธรรมเนียมที่จ่ายให้รัฐลง พร้อมลดราคาค่าใช้โทรศัพท์ลง
ทำให้คนใช้โทรศัพท์เพิ่มขึ้นทันที ในปี 2546 จาก 2 ล้านเลขหมาย เป็น 8 ล้านเลขหมาย
ทำให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก เพราะจำนวนคนใช้โทรศัพท์เพิ่มขึ้นหลายเท่า
ทั้งทำให้ประชาชนได้ใช้โทรศัพท์มือถือในราคาถูก
และธุรกิจต่างๆ มีต้นทุนสื่อสารราคาถูก สะดวกมากขึ้น จนธุรกิจต่างๆ เติบโตขยายตัวอย่างมาก
ผลของเหตุการณ์นี้ มีส่วนอย่างสำคัญต่อ GDP ของประเทศ
ที่ซึ่ง GDP ของประเทศขยายตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในปี 2546
เป็นอันดับ 31 ของโลก

รายได้ที่รัฐได้จากอัตราเดิม
คืออัตราตอบแทนเดิมคูณจำนวน 2 ล้านราย
รายได้ที่รัฐได้จากอัตราใหม่
คืออัตราตอบแทนใหม่คูณจำนวน 8 ล้านราย
เพราะว่าจำนวนผู้ใช้เพิ่มขึ้นอย่างมาก
แม้อัตราตอบแทนใหม่จะน้อยกว่าอัตราตอบแทนเดิม
แต่รายได้ที่รัฐได้จากอัตราตอบแทนใหม่กลับมากกว่ารายได้ที่รัฐได้จากอัตราตอบแทนเดิม
เป็นอย่างมาก
แต่ คตส. กลับพิจารณา
โดยเอาอัตราตอบแทนเดิมคูณด้วยจำนวนผู้ใช้ทั้งหมดรวมทั้งที่เพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนเงื่อนไข
เทียบกับอัตราตอบแทนใหม่คูณด้วยจำนวนผู้ใช้ทั้งหมดรวมทั้งที่เพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนเงื่อนไข
แล้วบอกว่ารัฐเสียหาย

คดีเปลี่ยนค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต
รัฐได้เงินไปใช้ทันที ไม่ต้องรอ TOT และ CAT ส่งให้ตอนสิ้นปี
ทั้งได้เงินเต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่ต้องถูกหักเงินเป็นค่าโบนัสและสวัสดิการของ TOT และ CAT
ในสถานการณ์ที่การกล่าวหา การกล่าวโทษ การใส่ร้ายป้ายสี อคติ ฝุ่นตลบ
คงเป็นในอนาคตกาลข้างหน้าอีกยาวไกล ที่ฝุ่นจาง
วิสัยทัศน์ของการเปลี่ยนค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิตจะปรากฏต่อสังคม
ดังเช่น
กรณีประมูลค่าสัมปทานระบบสื่อสาร 3 จี โดยเอกชน
หากเป็นภาษีสรรพสามิต เอกชนดำเนินการได้ทันที ยังคงจ่ายให้รัฐในรูปภาษี
การพัฒนาของประเทศไม่ต้องหยุดชะงักติดขัดอย่างที่กำลังเป็นอยู่
แข่งขันกันอย่างเสรี ไม่ผูกขาด จะทำให้ประชาชนสามารถเลือกใช้ในราคาถูกมีคุณภาพ
ผลประโยชน์ถึงมือประชาชนโดยตรง
ไม่ใช่โดยอ้อมจากค่าสัมปทานที่นักการเมืองจะจัดสรรมาให้ประชาชน
ที่ไม่แน่ว่าจะทั้งถูกบวกเพิ่ม ทั้งถูกเบียดบัง ไปแค่ไหน
หรือไม่ ?

คดีดาวเทียม
ถูกกล่าวหาว่า ประธาน รสช. ของคณะรัฐประหาร เอื้อประโยชน์ให้เครือชินวัตรในกรณีดาวเทียม

ก่อนที่ทักษิณจะเข้าสู่วงการเมือง
เป็นนักธุรกิจคนไทยที่ประสบความสำเร็จทางธุรกิจ
เป็นมหาเศรษฐีติดอันดับต้นๆ ของโลก
ทักษิณกล่าวในวันที่ยิงดาวเทียมไทยคมซึ่งเป็นสัมปทานของประเทศไทยขึ้นสู่ท้องฟ้าว่า
ถ้าไม่มีประธาน รสช. ก็ไม่มีวันนี้ วันที่ประเทศไทยได้มีสัมปทานดาวเทียมไว้ใช้ประโยชน์
โดยที่ประธาน รสช. เป็นผู้ดึงเรื่องออกจากแฟ้มมาพิจารณาให้ดำเนินการ
ไม่ใช่ถูกดองเรื่องเอาไว้ หากไม่มีค่าสินบนใต้โต๊ะ
อันเป็นปกติธรรมดาที่นักธุรกิจผู้สร้างคุณูปการแก่ประเทศทั้งหลาย
จะถูกทาสีให้เป็นทุนสามานย์ จะถูกวาดภาพให้เป็นผู้น่าชิงชังรังเกียจ
จะถูกกดขี่ให้จ่ายส่วยสินบนแก่นักการเมือง
ที่เป็นมาอย่างยาวนานเท่ากับอายุของพรรคการเมืองหนึ่ง

ถือว่าเอาดาวเทียมสำรองที่ดีกว่าที่กำหนดในสัญญามาให้แทน
เป็นการผิดสัญญา ถือว่าการให้ใช้แทนได้เป็นการเอื้อประโยชน์ผู้รับสัมปทาน
ใช่หรือไม่ ?
(คงเป็นทำนองเดียวกับเอาคอมพิวเตอร์ระบบปฏิบัติการ Window
มาให้แทนคอมพิวเตอร์ระบบปฏิบัติการ Dos ที่ล้าสมัย ตกรุ่น ไม่มีผลิตขายแล้ว
ถือว่าผิดสัญญา ถือว่าการให้ใช้แทนได้เป็นการเอื้อประโยชน์ผู้รับสัมปทาน
หรือคงเป็นทำนองเดียวกับเอาโทรศัพท์สมาร์ทโฟน
มาให้แทนโทรศัพท์รุ่นขนาดกระติกน้ำแขวนเอว ที่ล้าสมัย ตกรุ่น ไม่มีผลิตขายแล้ว
ถือว่าผิดสัญญา ถือว่าการให้ใช้แทนได้เป็นการเอื้อประโยชน์ผู้รับสัมปทาน
เปรียบเทียบเช่นนี้ ถูกต้องไหม ?)

การทำดาวเทียม ทำให้ประเทศเจริญก้าวหน้า มีดาวเทียมใช้ เป็นของตนเอง
รัฐได้ค่าสัมปทาน มีรายได้จากค่าใช้ดาวเทียม ไปจุนเจือประเทศชาติ
ถ้าครอบครัวชินวัตรไม่ทำดาวเทียม
ประเทศเสียโอกาส และก็ไม่ได้อะไร
ถ้าครอบครัวชินวัตรทำดาวเทียม
ประเทศไม่เสียอะไร แต่ได้ค่าสัมปทาน ได้ค่าใช้ดาวเทียม ได้ใช้ดาวเทียม ได้ความเจริญก้าวหน้า
เป็นคุณูปการต่อชาติ หรือไม่ ?
สมควรช่วยกันส่งเสริม สนับสนุน ให้การช่วยเหลือ อำนวยความสะดวก
ไม่สมควรขัดขวาง กลั่นแกล้ง กดขี่ เอารัดเอาเปรียบ
ในความเป็นจริง ไม่เพียงขัดขวาง กลั่นแกล้ง กดขี่ เอารัดเอาเปรียบ ยังทำลายล้าง
หรือไม่ ?

ทำไม ประเทศไทยจึงเอื้อประโยชน์สารพัดให้ต่างชาติ เพื่อเชื้อเชิญให้เขามาลงทุน ?
ทำไม คนไทยไม่ช่วยคนไทยด้วยกันเอง อย่างที่ช่วยต่างชาติด้วย ?
เป็นที่รู้กันดีว่า
ประเทศญี่ปุ่น เขาสนับสนุน ช่วยเหลือ เอื้อประโยชน์ ให้คนญี่ปุ่นของเขาเอง อย่างยิ่ง
ประเทศญี่ปุ่นจึงเจริญก้าวหน้ายิ่ง
ทำไม ประเทศไทยต้องไม่เอื้อประโยชน์ให้คนไทย ?
กรณี ปรส. เป็นตัวอย่างอันเจ็บปวด
ที่รัฐบาลของพรรคที่ไม่สามารถเอ่ยนาม ฝากแผลเป็นไว้แก่ประเทศไทย หรือไม่ ?
ที่ประเทศไทยต้องไม่เอื้อประโยชน์ให้คนไทย
ไม่ขายทรัพย์สินของคนไทยให้คนไทย
อ้างเหตุผล ไม่ให้คนไทยเสียนิสัยจากการทำธุรกิจขาดทุนแล้วซื้อคืนได้ในราคาถูก
ทั้งที่ความจริงแล้ว คนไทยไม่ได้ทำขาดทุนเอง แต่ถูกทำให้ขาดทุน
โดยนโยบายผิดพลาดของพรรคการเมืองใด ที่เปิดช่องโหว่ให้โจมตีทางเศรษฐกิจ ?
เป็นการขายสมบัติชาติอย่างแท้จริง ด้วยราคาแสนต่ำ
หรือไม่ ?

มีคนปกติทั่วไปสักคนไหมบนโลกนี้
ที่ไม่ประกอบอาชีพ ทำธุรกิจ มีทรัพย์สิน มีครอบครัว มีญาติมิตร
ที่อำนาจการเมืองไม่มีผลมากระทบเกี่ยวข้อง
ต่ออาชีพ ธุรกิจ ทรัพย์สิน ครอบครัว ญาติมิตร ของบุคคลผู้นั้น
สำคัญอยู่ที่ว่า เกี่ยวข้องอย่างเป็นประโยชน์หรือเป็นโทษแก่ประเทศชาติ
ได้ประโยชน์จากการสร้างประโยชน์ให้ประเทศชาติ
หรือได้ประโยชน์จากการสร้างโทษให้ประเทศชาติ

คดีให้เงินกู้แก่พม่า
ได้ดอกเบี้ยจากพม่า
ประเทศเพื่อนบ้านมีพรมแดนติดกันเป็นมิตรกับไทย
ได้ใช้ทรัพยากรธรรมชาติของพม่า
ได้กำหนดเงื่อนไขที่พม่าต้องซื้อของจากไทย
(เป็นเงื่อนไขที่ทุกชาติในโลกควรทำแก่ชาติตน แต่อาจต้องยกเว้นประเทศไทย)
และพม่าก็ไม่ได้ซื้อสินค้าจากกลุ่มชินวัตรเพิ่มจากเดิมที่เคยซื้ออยู่แล้วแต่อย่างใด

คดีหวยบนดิน
การดำเนินนโยบายหวยบนดิน
แก้ปัญหาการขายสลากเกินราคาได้อย่างแยบยล
แก้ปัญหาหวยใต้ดินอย่างได้ผล จนหวยใต้ดินแทบจะสาบสูญ
แก้ปัญหาอิทธิพลมาเฟียและอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับหวยใต้ดินได้อย่างลุล่วง
ก่อรายได้นำไปใช้อุดหนุนการศึกษาแก่ผู้ด้อยโอกาส อันจะงอกเงยผลแก่ประเทศอย่างไม่รู้จบ
ก่อรายได้นำไปใช้แก่สาธารณะประโยชน์
ป้องกันผู้ไม่รักดีลุ่มหลงการพนันให้มีทางระบายออกอย่างยากที่จะหายนะเช่นการพนันอื่น
ให้คนจนได้มีทางผ่อนคลายความทุกข์จากความหวังแม้จะลมๆแล้งๆ
แต่ก็เป็นความสุขเล็กๆน้อยๆของคนที่ไม่สามารถแสวงหาความสุขใส่ตนได้อย่างผู้มีอันจะกิน
สิ่งดีๆในความเป็นจริงของโลกไม่ใช่ในอุดมคติเช่นนี้ ถูกทำลายลง
เพียงเพื่อทำลายผลงานความสำเร็จงดงามไม่ให้ปรากฏคงอยู่
หรือไม่ ?

หรือด้วยเหตุแอบแฝงลึกลับอีกอื่นใด ? ของใคร ?
มาเฟียสลากกินแบ่งและเจ้ามือหวยใต้ดินหรือไม่ ?
โดยใคร ? มีพรรคการเมืองใดอยู่เบื้องหลังกลุ่มคนเหล่านี้หรือไม่ ?


47   พรรคไทยรักไทยทุจริตเลือกตั้ง จนกระทั่งศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรค

ทักษิณ ชินวัตร จดทะเบียนก่อตั้งพรรคไทยรักไทยขึ้นเมื่อปี 2541
พรรคไทยรักไทยชนะในการลงเลือกตั้งครั้งแรกอย่างท่วมท้นในปี 2544
บริหารประเทศจนครบวาระ 4 ปี

ลงเลือกตั้งครั้งที่สอง ชนะเลือกตั้งอีกอย่างถล่มทลายได้ 377 เสียง จากทั้งหมด 500 เสียง ในปี 2548
ด้วยเหตุม็อบโดยการสนับสนุนของพรรคเก่าแก่ ทักษิณยุบสภาเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 2 เมษายน 2549
พรรคประชาธิปัตย์ชักชวนพรรคต่างๆ ไม่ลงเลือกตั้ง จะให้มีการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีแทนการเลือกตั้ง
กกต. ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งซ่อมในวันที่ 23 เมษายน 2549
เนื่องจากหลายเขตมีผู้สมัครพรรคเดียว แล้วได้คะแนนไม่ถึงเกณฑ์กำหนด
พรรคไทยรักไทยยังคงชนะเลือกตั้งมากเป็นอันดับหนึ่งอีกครั้ง

ศาลรัฐธรรมนูญประกาศให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะในวันที่ 8 พฤษภาคม 2549
ด้วยเหตุพรรคประชาธิปัตย์และอีกหลายพรรคไม่ยอมลงเลือกตั้ง
กำหนดการเลือกตั้งใหม่เป็นวันที่ 15 ตุลาคม 2549
กกต. ถูกศาลรัฐธรรมนูญปลดและจำคุกในวันที่ 25 กรกฎาคม 2549
ด้วยข้อหาจัดการให้คนลงคะแนนเสียงแบบหันก้นออกหน้าห้อง ไม่เป็นการปิดลับ
โดยที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ นายบารัค โอบามา ลงคะแนนเสียงแบบหันก้นออกหน้าห้อง
กกต. ชุดใหม่เข้าทำหน้าที่แทน

พลเอกสนธิ บุณยรัตกลิน ก่อรัฐประหารยึดอำนาจล้มรัฐบาลในวันที่ 19 กันยายน 2549
แต่งตั้งให้พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรีชั่วคราว
คณะรัฐประหารสั่งยกเลิกศาลรัฐธรรมนูญ ปลดบางคนออก ตั้งตุลาการรัฐธรรมนูญขึ้นเองให้ทำหน้าที่แทน

ตุลาการรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคไทยรักไทยเมื่อ 30 พฤษภาคม 2550
ด้วยข้อหาจ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้ง ในเหตุพรรคต่างๆร่วมกันไม่ยอมลงเลือกตั้ง
ถอนสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยทั้งหมด 111 คน ห้ามลงเลือกตั้ง 5 ปี ตามกฎหมายของคณะรัฐประหาร
ที่ย้อนหลังให้เหตุการณ์ในอดีตที่ไม่มีโทษ เป็นมีโทษเพิ่ม คือห้ามกรรมการบริหารพรรคลงเลือกตั้ง จากเดิมที่เพียงให้ยุบพรรค
ที่ซึ่งข้อห้ามอย่างมหันต์ของหลักกฎหมายทั่วโลก คือ ห้ามออกกฎหมายย้อนหลังให้อดีตที่ไม่มีโทษ เป็นให้มีโทษ ให้ต้องได้รับโทษ

ในเวลาอีกหลายปีต่อมา พยานที่กล่าวหาพรรคไทยรักไทยว่าจ้างลงเลือกตั้ง
เปิดเผยใน Youtube ว่าได้รับการว่าจ้างแล้วถูกหักหลัง โดยพรรคการเมืองหนึ่ง ให้ใส่ร้ายพรรคไทยรักไทย
ตุลาการรัฐธรรมนูญที่ตั้งขึ้นหลังรัฐประหาร ปฏิเสธที่จะรื้อฟื้นคดี
ด้วยเหตุผลว่า ไม่อาจย้อนผลยุบพรรคกลับคืน


48   ยุบพรรคไทยรักไทยแล้ว เปลี่ยนชื่อมาเป็นพรรคพลังประชาชนก็ยังไม่เลิกโกงเลือกตั้ง จนศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค

หลังจากตุลาการรัฐธรรมนูญที่ตั้งขึ้นหลังรัฐประหาร สั่งยุบพรรคไทยรักไทย เมื่อ 30 พฤษภาคม 2550
บุคลากรของพรรคไทยรักไทยที่เหลือย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชาชนในเดือนกรกฎาคม 2550
นายสมัคร สุนทรเวช ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชน
พรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้งมากเป็นอันดับหนึ่ง 233 เสียง จาก 480 เสียง ในวันที่ 23 ธันวาคม 2550
นายสมัคร ได้รับการโหวตจาก สส. ใน สภาให้เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2551
ตุลาการรัฐธรรมนูญที่ตั้งขึ้นหลังรัฐประหาร สั่งปลดนายสมัคร ด้วยข้อหาจัดรายการทำกับข้าวทางสถานีโทรทัศน์ในวันที่ 9 กันยายน 2551
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้รับการโหวตจาก สส. ในสภาให้เป็นนายกรัฐมนตรีแทนในวันที่ 17 กันยายน 2551
ตุลาการรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคพลังประชาชนเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2551
ด้วยข้อหามีพยานหนึ่งคนให้การว่าได้รับเงินซื้อเสียง
ถอนสิทธินายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชนรวม 109 คน ห้ามลงเลือกตั้ง 5 ปี
บุคลากรของพรรคพลังประชาชนที่เหลือบางส่วนย้ายไปสังกัดพรรคเพื่อไทย
โดยมีนายเนวินและพวกย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้รับการโหวตจาก สส. ใน สภา
ให้เป็นนายกรัฐมนตรีแทนนายสมชาย ในวันที่ 17 ธันวาคม 2551
ประชาชนรวมตัวกันต่อต้านรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ โดยใช้สัญญลักษณ์ใส่เสื้อสีแดง
เรียกร้องให้ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ
นายอภิสิทธิ์ขอเจรจาโดยไม่ยอมกำหนดวันยุบสภาแต่กำหนดเป็นวันเลือกตั้ง
ซึ่ง กกต. ต้องเป็นผู้กำหนดวันเลือกตั้ง ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีซึ่งไม่มีสิทธิ์กำหนด
เมื่อการเจรจาล้มเหลว รัฐบาลอภิสิทธิ์ดำเนินการปราบปรามผู้ชุมนุม
มีผู้เสียชีวิต 25 คน เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 ย่านสะพานผ่านฟ้า
ปราบปรามอย่างหนักในวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 บริเวณราชประสงค์ มีอาคารหลายแห่งถูกเผา
ผู้เสียชีวิตจากการปราบปรามทั้งหมดรวม 99 คน พิการและบาดเจ็บสองพันกว่าคน จับกุมแกนนำทั้งหมดคุมขัง
ประชาชนกลับมาร่วมชุมนุมกันอีกโดยไร้แกนนำ และค่อยๆเพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างน่าตื่นใจ
จนนายอภิสิทธิ์ชิงประกาศยุบสภา กำหนดวันเลือกตั้งให้เป็นวันที่ 3 กรกฎาคม 2554


49   พรรคพลังประชาชนถูกยุบ เปลี่ยนชื่อมาเป็นพรรคเพื่อไทย ทำเลวมากี่หน เปลี่ยนชื่อมากี่ครั้ง คนเขาจำได้

เปลี่ยนชื่อมากี่ครั้ง คนเขาจำได้ ดังนั้นจึง
พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งอีกครั้งด้วยคะแนนเสียงอย่างท่วมท้น
พรรคประชาธิปัตย์พ่ายแพ้เลือกตั้งต่อพรรคไทยรักไทยอีกครั้งอย่างถล่มทลาย

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่คร่ำหวอดการเมืองมาอย่างยาวนาน เกือบตลอดทั้งชีวิต
ถูกประชาชนถีบด้วยคะแนนเสียงเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย หลุดกระเด็นออกจากเก้าอี้นายกรัฐมนดรีที่ตั้งขึ้นหลังการรัฐประหาร
น้องสาวคนสุดท้องของทักษิณ ชินวัตร ผู้หญิงที่เพิ่งเข้าสู่วงการเมือง 49 วัน
ได้รับการอุ้มชูจากประชาชนด้วยคะแนนเสียงเลือกตั้งอย่างท่วมท้น ขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย
อย่างสง่างามด้วยเกียรติและศักดิ์ครี

พรรคประชาธิปัตย์ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ ปี 2489
ถูกประชาชนถีบด้วยคะแนนเสียงเลือกตั้ง หลุดกระเด็นออกจากการเป็นรัฐบาลที่ตั้งขึ้นหลังการรัฐประหาร
พรรคเพื่อไทยที่เพิ่งก่อตั้ง หลังจากพรรคไทยรักไทย และพรรคพลังประชาชน ถูกยุบพรรคครั้งแล้วครั้งเล่า
ได้รับการอุ้มชูจากประชาชนด้วยคะแนนเสียงเลือกตั้ง ขึ้นสู่การเป็นรัฐบาลที่มีนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย
อย่างสง่างามด้วยเกียรติและศักดิ์ครี

เป็นที่ชื่นชมยินดีและต้อนรับไปทั้งประเทศไทยและทั่วโลก
ยกเว้นคนบางจำพวกที่เปลี่ยนสีเสื้อจากม็อบแอบอ้างเสื้อเหลืองไปสีอื่นเรื่อยๆ
จนได้ฉายาว่า สลิ่ม คนเสื้อหลากสี ในเรื่องราวอย่างนิยายน้ำเน่า บทละครเก่าซ้ำซากใส่ร้ายป้ายสีและล้างสมอง
ตั้งแต่สมัยจากดึกดำบรรพ์ไม่เคยเปลี่ยนแนวของพล็อตเรื่อง ของคนบางกลุ่มบางพรรค
คนบางจำพวก ที่ถูกล้างสมอง ปิดกั้น ไม่ให้ได้รับฟัง ไม่ให้ได้รับรู้อื่นใด
คนบางจำพวก ที่ถูกครอบงำ จากสื่อส่วนใหญ่ที่ตกผลึกด้วยการรัฐประหารครั้งแล้วครั้งเล่า
และกลุ่มคนที่มีเหตุผลเป็นวาระซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลัง เช่น
กลุ่มเหยียดกดขี่ชนชั้น
กลุ่มค้ายาเสพติด บ่อน ซ่อง หวยเถื่อน หนี้นอกระบบ อิทธิพลเถื่อน
กลุ่มข้าราชการทุจริตคอรัปชั่น
กลุ่มธุรกิจฉ้อฉลสมคบนักการเมือง
และที่สำคัญคือ กลุ่มอภิสิทธิ์ชน ที่บางส่วนอาจประกอบด้วย
ขุนนางโฉด ขุนศึกคดข่มเหงราษฎร สื่อโสมม นักวิชาการลวง มาเฟียมิจฉาชีพ นักธุรกิจฉ้อฉล
ที่ผสมผสานความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลและความสัมพันธ์ด้านต่างๆ กัน
ผนึกประสานโยงใยเป็นเครือข่ายร่วมมือกัน ครอบงำ ควบคุม กำกับ ประเทศ
ใช้กระบวนการรัฐประหารเป็นระยะๆ ประมาณช่วงละ 5-15 ปี
วางคนเข้ายึดครองตำแหน่ง อำนาจ อิทธิพล ผลประโยชน์ ต่างๆ
วางกฎหมายระเบียบข้อกำหนดควบคุมประเทศต่างๆ
วางเครือข่ายสื่อเข้าครอบงำประชาชน ล้างสมอง สะกดจิตหมู่ สร้างกระแส โฆษณาชวนให้หลงเชื่อ ต่างๆ
และกำจัดทำลายล้างนักการเมืองดีๆ ผู้เป็นอุปสรรคขวากหนาม ผู้เป็นฝ่ายตรงข้าม
โดยที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ โหนฯ กำจัดผู้คนต่างๆ

ใช่หรือไม่ ?



50   พวกคุณฆ่าคนกรุงเทพมหานคร

ล่าสุด
รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์
สั่งปฏิบัติการที่พรรคประชาธิปัตย์เรียกว่า
การกระชับพื้นที่ และ การขอคืนพื้นที่
จากการชุมนุมของคนเสื้อแดง
ที่เรียกร้องให้ รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ที่ตั้งขึ้นหลังรัฐประหาร 2549
ยุบสภาเพื่อเลือกตั้ง
มีผู้เสียชีวิต 99 คน
พิการและบาดเจ็บสองพันกว่าคน

ใช่หรือไม่ ?


51   พวกคุณเผาโรงหนังสยาม เผาเซ็นทรัลเวิลด์ เผาบ้านเผาเมือง

หลังจากปฏิบัติการกระชับพื้นที่และขอคืนพื้นที่
ทหารภายใต้รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ที่ตั้งขึ้นหลังรัฐประหาร
เข้าควบคุมพื้นที่ราชประสงค์และอาคารเซ็นทรัลเวิลด์อย่างแน่นหนา
ยามรักษาความปลอดภัยของอาคารเซ็นทรัลเวิลด์ทั้งหมดถูกไล่ออกจากอาคาร
แล้วอาคารเซ็นทรัลเวิลด์ที่เป็นอาคารคอนกรีต
มีระบบป้องกันเพลิงไหม้อย่างเพียบพร้อม
ระบบพ่นน้ำดับเพลิงจากท่อที่ต่อกับถังเก็บน้ำบนหลังคาอาคาร
สู่หลอดแก้วบางที่เพดานห้อง ซึ่งจะแตกออกเมื่อถูกความร้อน
ครอบคลุมทุกตารางพื้นที่
ก็ถูกเผาจนวอด
โดยพรรคประชาธิปัตย์โหมประโคมอย่างหนักว่าคนเสื้อแดงเผาบ้านเผาเมือง

วันพุธที่ 19 พฤษภาคม 2553
วันสุดท้ายที่คนเสื้อแดงถูกสลายการชุมนุมที่พื้นที่ราชประสงค์ กรุงเทพมหานคร
มีผู้เสียชีวิตรวม 99 ศพ บาดเจ็บและพิการกว่าสองพันคน
แม้อาจมีผู้มุงดูจำนวนมาก แต่คนจำนวนหลักสิบ ลงมือเผาศาลากลางจังหวัด ในต่างจังหวัดหลายจังหวัด
เจ้าหน้าที่ราชการต่างๆ ตั้งแต่ระดับสูงจนถึงระดับล่าง เจ้าหน้าที่ดับเพลิง ตำรวจ ทหาร
ภายใต้รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ที่จัดตั้งขึ้นหลังรัฐประหาร
ไปไหนกันหมด ?
มีการสร้างสถานการณ์เผาศาลากลางจังหวัด
แล้วดักถ่ายรูปผู้รู้เท่าไม่ถึงการณ์ที่ร่วมผสมโรงหรือไปร่วมมุง
เอามาเป็นแพะรับบาปหรือไม่ ?






52   พวกคุณก่อการจลาจล ก่อการร้าย

พรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนม็อบแอบอ้างเสื้อเหลือง
ยึดทำเนียบ ปิดสนามบิน
ขับไล่รัฐบาลพรรคไทยรักไทยและผู้สืบทอด
ที่ชนะการเลือกตั้งอย่างท่วมท้นครั้งแล้วครั้งเล่า
โดยหลักฐานเท่าที่ปรากฏ คือ
สส. พรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมเป็นแกนนำผู้หนึ่งของม็อบ
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์มอบช่อดอกไม้แก่แกนนำคนสำคัญของม็อบ
หัวหน้าพรรคและรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ไปเยี่ยมม็อบ
รถยนต์ต่างๆ ติดตราพรรคประชาธิปัตย์จอดอยู่บริเวณสถานที่ชุมนุม

เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เป็นรัฐบาล
เกิดเหตุลอบวางระเบิดตามสถานที่ต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร
เมื่อพรรคประชาธิปัตย์เข้าเป็นรัฐบาลหลังรัฐประหาร 2549
ระเบิดต่างๆ ก็หายไป

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
รีบไปดูสถานที่เหตุลอบวางระเบิดครั้งใหญ่ที่หาดใหญ่ทันที
โดยไม่เกรงกับดักที่มักจะระเบิดซ้ำอีก
ราวกับรู้ใจผู้ลอบวางระเบิดเป็นอย่างดีว่าจะวางระเบิดหรือไม่ เมื่อไร
เป็นเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นอีกครั้ง หลังจากพรรคประชาธิปัตย์หลุดจากอำนาจ
ทำนองเดียวกับในอดีตที่พรรคการเมืองนี้ไม่ได้เป็นรัฐบาล
จะมีการลอบวางระเบิดสร้างสถานการณ์ไม่สงบตามสถานที่ต่างๆ
ทั้งในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และกรุงเทพมหานคร

หลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมปี 2553
ในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ที่จัดตั้งขึ้นหลังรัฐประหาร
เว็บบอร์ดพันทิป โดยห้องราชดำเนิน
เตือนอย่างต่อเนื่องให้ผู้ที่จะชนะเลือกตั้งเป็นรัฐบาลต่อไป
เตรียมการป้องกันน้ำท่วมที่เกิดขึ้นมาแล้วแทบทุกปี
มีใครเอาความปรารถนาดีนี้ไปใช้อย่างตรงกันข้ามหรือไม่ ?
หลังการเลือกตั้ง
พรรคประชาธิปัตย์ข่มขู่จะยื่นถอดถอน
รัฐบาลยิ่งลักษณ์พรรคเพื่อไทย
ที่ชนะเลือกตั้งอย่างท่วมท้น
ถ้ารัฐบาลยิ่งลักษณ์พรรคเพื่อไทย
ปฎิบัติภารกิจใดๆ ก่อนแถลงนโยบายเสร็จสิ้น
โดยที่ปริมาณน้ำกักเก็บในเขื่อนสำคัญต่างๆ
เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนเต็มเขื่อนในวันที่แถลงนโยบายเสร็จสิ้น
มีใครวางยาให้ต้องระบายน้ำออกจากเขื่อนเมื่อฝนตก
จนน้ำท่วมยิ่งกว่าที่ควรจะเป็นตามธรรมชาติ
เป็นวิกฤติสาหัสเกือบทั้งประเทศหรือไม่ ?




 
53   พวกคุณเป็นสัตว์ร้ายทางการเมือง

สรุปว่าน่าจะเป็นพวกไหน ?


54   จากคำกล่าวของใครบางคน บางกลุ่ม บางพรรค ?
พรรคการเมืองอื่นมาแล้วก็จากไป
มีแต่พรรคประชาธิปัตย์ที่ยืนยงอยู่คู่ประเทศไทย


เบื้องหลังของคนบางกลุ่มคือตัวการ
ทำลายล้างนักการเมืองดีๆ
เพาะเลี้ยง สนับสนุน ช่วยเหลือนักการเมืองเลวๆ ให้พ้นผิดจากการกระทำชั่วต่างๆ
ร่วมกับการใช้กระบวนการล้างสมอง
เพื่อการยึดกุมอำนาจ แสวงผลประโยชน์
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ
การใช้รัฐธรรมนูญและกฎหมายต่างๆของคณะรัฐประหาร
การแต่งตั้งตำแหน่งต่างๆ ที่มีผลทางการเมืองและผลประโยชน์
(เช่น การแต่งตั้ง สว. การแต่งตั้งตำแหน่งของหน่วยงานที่ลวงว่าอิสระ การแต่งตั้งตำแหน่งในรัฐวิสาหกิจและราชการ ใช่หรือไม่ ?)

คนบางกลุ่มพยายามใช้กระบวนการล้างสมอง สร้างภาพ สร้างสถานการณ์
ว่านักการเมืองนั้นล้วนแต่เลว หาดีไม่ได้ ทั้งสิ้น
เบื้องหลังคือตัวการทำลายล้างนักการเมืองดีๆ
และเพาะเลี้ยงสนับสนุนนักการเมืองเลวๆ
เพื่อการยึดกุมอำนาจแสวงผลประโยชน์
และกำกับควบคุมนักการเมืองให้เป็นมือเป็นเท้าของกลุ่มตนที่อยู่เบื้องหลัง
คือ
กลุ่มอภิสิทธิ์ชนที่กระทำตนเป็นปรสิต
ของประชาธิปไตย และของประเทศ ตลอดจนส่วนสำคัญๆ ต่างๆ ของประเทศตลอดมา
ขอเรียกว่า กลุ่มอภิปรสิตชน

ประชาธิปไตย คือ อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน
อภิปรสิตชนธิปไตย คือ อำนาจอธิปไตยเป็นของอภิปรสิตชน โดยอภิปรสิตชน เพื่ออภิปรสิตชน

ใช่หรือไม่ ?

55
จากคำกล่าวของใครบางคน บางกลุ่ม บางพรรค ?
พรรคประชาธิปัตย์ เป็นสถาบันทางการเมือง ของระบอบประชาธิปไตย


โดยที่พรรคประชาธิปัตย์ก่อตั้งในปี 2489
หลังจากพรรคประชาธิปัตย์ก่อตั้งเพียงหนึ่งปี
อำนาจอธิปไตยก็ถูกยึดไปจากประชาชน ในปี 2490
และถูกยึดไปเป็นระยะๆ ตลอดมา

ในที่ประชุมประจำปีของพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเปรียบเทียบ
ความสามารถดำรงเผ่าพันธุ์มาอย่างยาวนานของแมลงสาบ
ให้คนของพรรคประชาธิปัตย์พิจารณาเป็นเยี่ยงอย่าง
ซึ่งกลายเป็นฉายาของพรรคประชาธิปัตย์ในโลกออนไลน์ในเวลาต่อมา

ด้วยพรรคประชาธิปัตย์ที่อยู่มาอย่างยาวนานกว่าพรรคการเมืองอื่นใด
ประชาธิปไตยก็มีสภาพอย่างที่เป็นอยู่
พรรคประชาธิปัตย์ เป็นอะไรกันแน่ ของระบอบประชาธิปไตย ?

คำสามคำต่อไปนี้ เกี่ยวข้องกันอย่างใด หรือไม่ ?
แมลงสาบ
สัตว์ร้ายทางการเมือง
ปรสิตของระบอบประชาธิปไตย 



ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน